by Nu Kittinu on Sunday, September 12, 2010 at 5:41pm
การ ลงทุนในชีวิตต่อมา คือ การลงทุนในตลาดหุ้น TSX ซึ่งในความคิดยังไม่เคยคิดว่า จะมีความสามารถลงทุนในตลาดหุ้นได้ ความคิดยังเป็นตัว B อยู่ (Business owner) ด้วยความบังเอิญ หรือ ความโชคดีก็แล้วแต่ มีเพื่อนคนไทยที่มีชะตาชีวิตเหมือน ผมแต่ จบบัญชีมา ด้วยชะชาชีวิตเดียวกันกับ อายุวัยเดียวกัน คือต้องบินมารักษาสิทธิพลเมืองที่แวนคูเวอร์ เมื่อปลายปี 2008 ผมได้บินไปท่ิองเที่ยว แวนคูเวอร์ ไปพักห้องเพื่อน สังเกตเห็นเพื่อนคนนี้ หาข้อมูล นั่งเล่นคอมทุกวัน ไม่ต้องทำอะไรเลย ทำอะไรกัน ก็ถามเขาว่า ทำอะไร เขาตอบว่า "เล่นหุ้น"
ตอนนั้น ผมยังไม่มีความคิด ไม่รู้จักการลงทุนในตลาดหุ้นด้วยซ้ำ ว่าทำอย่างไร แต่ที่น่าแปลกใจ คือ รายได้เฉลี่ยที่เขาบอกคือ $4,000 ต่อเดือน โดยแค่นั่งหน้าคอมแค่นั้น เหรอ ทำความงุนงงให้กลับผมเป็นอย่างมาก และ ในความคิดผมตอนนั้นก็ไม่ได้ คิดว่า จะเล่นหุ้นได้เหมือนเพื่อน แต่ที่แปลกกว่านั้น เขาไม่ได้เล่นหุ้นที่แคนาดา อย่างเดียว แต่ เขาเล่นหุ้นเมืองไทยมานานแล้ว ขาดทุนเป็นล้าน แต่มาเล่นที่นี่ เขาได้กำไรคืนหมดแล้ว พร้อมกำไร ทำความแปลกใจแก่ผมมากมายที่เดียว
จากนั้น เป็นระยะ 6 เดือน ผมได้ อ่านหนังสือการลงทุน เรื่องหุ้น บัญชี การอ่านงบดุล หรือ แม้กระทั้ง ซื้อ CD สอนการเล่นหุ้น ที่ขายทางผ่านเน็ต, ดาวน์โหลดบิต เรื่อง การลงทุนหุ้น แล้วเริ่มได้เปิดพอร์ต เทรดหุ้น ผ่านธนาคารเป็นโบรคเกอร์ ชื่อ TDwaterhouse ผ่านอินเตอร์เน็ตโดยตรง โดยค่าธรรมเนียมจะเสียผ่านการเทรดแต่ละครั้ง เป็นแบบ Fixed rate รวมทั้งเข้าอบรมการเล่นหุ้นของธนาคาร (Seminar free) ที่จัดสอนเป็นระยะประกอบกับ ศึกษา หุ้นในตลาดแต่ละตัวด้วยตัวเอง โดยวิเคราะห์พื้นฐานแบบ Fundamental เท่านั้น สิ่งที่แตกต่างกันที่พบคือ หุ้นกองทุน (Income fund) ที่นี่จ่ายบันผลให้รายได้รายเดือน ตามภาพแนบ ก็คือ ตัว D ซึ่งเขาจะเรียกว่า Unit trust ไม่ได้ใช้คำว่า Common stock เหตุที่จ่ายให้ กองทุน Income fund ต้องการระดมทุนในการทำธุรกิจ ให้เติบโต พร้อมจ่ายบันผลให้ทุกเดือนเพื่อทำธุรกิจและเปลี่ยนแปลงไปเป็น บริษัท ต่อมานั่นเอง
วันที่ผมลงทุนครั้งแรก เดือน Jul2009 เป็นช่วงเศรษฐกิจตกต่ำอยู่ จึงซื้อหุ้นในราคาไม่แพง และ ได้ yield ปันผลตอนนั้น 20-24% ต่อปี โดยจ่ายให้รายเดือน ในใจก็คิดว่า ซื้อเอาบันผลแล้วกัน เมื่อราคาหุ้นเพิ่มขึ้นก็ได้ตัวขายไปบางส่วน ถือว่า เป็นกำไรที่ได้แบบไม่ควาดฝันทีเดียว จากนั้น ผมได้ระดมเงิน คนที่ช่วยเหลือผมและมีบุญคุณให้โอนเงินมาซื้อหุ้นเก็บไว้ โดยใช้พอร์ตผม ก็ทำกำไรให้เขาและได้รับปันผลกันถ้วนหน้า เงินบันผลที่ได้ จะเข้าเป็นรายได้ของผมโดยตรง ในการเสียภาษีที่แคนาดาประจำปี ก็เรียกว่า ได้กำไร ก็มีจัดสรรช่วยกันจ่ายภาษีเท่านั้น ก็พอใจ เพราะ คนเหล่า นี้ คือ คนใจดีที่ให้โอกาสผม มีเงินลงทุนจากที่ไม่มีอะไรเลย รวมทั้ง น้องชาย ก็ฝากผมมาลงทุนกันที่นี่ โดยหน้าที่ ผมคือ "หัวหอก" ในการลงทุนข้ามประเทศนั้นเอง ในระยะ 3 ปี เพื่อ ทนหนาว เพื่อ คนข้างหลังผมเหล่านี้ โดยคติผม "ยิ่งให้ ยิ่งได้" หลังจากนั้นก็ได้ศึกษา และลงทุนในตลาดหุ้นมา ปีกว่า บันผลสามารถจ่ายค่าผ่อนบ้านเมืองได้สบายโดยไม่ต้องทำงาน ซื้อ ขาย สะสมกำไรแล้วลงทุนไปเรื่อย ๆ ขาดทุนกำไรบ้างก็ไม่เป็นไร คิดแบบนั้น แบบพอเพียง ด้วยหลักของทางสายกลางและความเข้าใจของธรรมมะ
สรุป ได้ว่า การลงทุนตัวดี ดีกว่า การลงทุนร้านอาหารไทยเสียอีก ใช้เงินทำงาน อยากซื้อ อยากเป็นเจ้าของธุรกิจไหนก็ได้ ทั้งตลาดหุ้น US, Canada, Hongkong แค่ตลาด TSX ไม่มีเงินพอที่จะเล่นแล้ว และโดยภาพรวมเศรษฐกิจของแคนาดา ยังดีกว่า ตลาดหุ้น US อยู่มาก
สิ่งต้องเสีย คือ การทนอยู่แคนาดา 3 ปี เพื่อให้เป็นแคนาดาซิติเซนต์ ทนความหนาวเย็น และ การอยู่คนเดียว ทำอาหารทานเอง ดูแลตัวเอง ยามเจ็บป่วย เพื่อแลกกับสิ่งเหล่านี้ให้คนข้างหลัง โดยความเห็นส่วนตัว ในอนาคตเมืองไทย จะเิกิดอะไรไม่รู้ แต่ผมมองเห็นและมีทางออก นั่นคือ การมองไกล หรือ Vision เพียงผมขอให้มี คอมพิวเตอร์ มีอินเตอร์เน็ต ก็ ซื้อ ขายผ่าน เน็ตได้ แค่ปลายนิ้ว ในเวลากลางคืน ของไทย หมายความว่า เงินผมสามารถลงทุนได้แบบ 7-11 นั่นเอง หรือ 24 hrs การเล่นหุ้นที่นี่ ไม่เหนื่อย ไม่ต้องตามข้อมูลมากเหมือนเมืองไทย โปรแกรมตั้งซื้อขายล่วงหน้าได้เป็นเดือน ดังนั้น ก็เข้ามาดูแค่ครั้งคราวเท่านั้น ก็พอ ซึ่งในมุมมองของผม คือ หุ้นแบบ VI และ DV ต่อเดือนด้วย ที่เป็นจุดเด่นดีกว่า เมืองไทยแน่นอน แต่ต้องทำการปรับพอร์ตให้ Dynamic สม่ำเสมอด้วย
อนาคตผมจะ กลับไทยไปใช้เงิน $ ที่เมืองไทย อยู่ด้วยเงินบันผลทุกเดือน มันเหมือนไม่เยอะสำหรับคนที่แคนาดา แต่เมื่อมันคูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนมันเยอะสำหรับบ้านเรา ของทุกอย่างถูก ผมจะเหมือนฝรั่งที่เกษียรแล้ว ไปอยู่เมืองไทยนั้นเอง นั่น คือ มุมมองการลงทุนพ้นความอิสระผม เช่น ถ้าผมลงทุนไว้ 10 ล้าน บันผล 12% ต่อปี ปีละ 1.2 ล้าน คือ เดือนละแสน โดยไม่ต้องทำงาน แต่ อย่างไรผมก็ทำงานอยู่แล้ว จะทำ ไม่ทำ ก็จะอยู่สถานะ Financial freedom หรือ นักลงทุน VI นั้นเอง หรือ อาจจะต้องเป็น Fund manager ใต้ดิน นั้นเอง สิ่งที่ผมได้มา ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ขอให้ศึกษา ค้นคว้า ในสิ่งที่ไม่รู้ เราก็จะทำได้ การตัดสินใจลงทุนแคนาดา ถือว่า ผมตัดสินใจถูกและเป็นมุมมองที่ไกลใช้ได้พอสมควร และ ต้องขอบคุณเพื่อนมากที่ชี้ทางสว่างให้ผมเปลี่ยนจากตัว ฺB(ฺีBusiness owner) สู่ ตัว I (Investor) ด้วย นโยบาย รวย ต้องรวยด้วยกัน ไม่ทิ้งกัน อาจจะเป็นเพราะเป็นผลบุญกุศลของผมที่ไม่เคยคิดทำร้ายใคร การให้ที่ไม่ได้หวังผลตอบแทน นั้นเอง แต่สิ่งที่ผมจะทำต่อ ไป คือ การให้โอกาสคน และ หมั่นสร้างบุญกุศลต่อไปในชาตินี้
ก็จริงอย่างที่ว่า " ทำไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ หรือ ไม่ได้ทำ" นั่นเลย ^^*
PS. หนังสือแรงบันดาลใจ : Rich Dad,กลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ
แรงบันดาลใจที่ดีครับ เสียดายเริ่มช้าไปหน่อย
ReplyDelete