North america

Global Trading Investment Knowledge in Stock Markets : USA (Dow Jones, Nasdaq), Canada (TSX), Thailand(SET)

Monday, August 30, 2010

มาแคนาดา 2 ปี แล้ว ได้อะไร


by Nu Kittinu , May1, 2010

เป็นคำถามที่ต้องตอบ ที่จริงผมต้องมาแคนาดาตั้งแต่ปี 2005 แต่มาได้จริงในปี 2008 ติดด้วยต้องสร้างฐานบางอย่างก่อน ตามกฎของพลเมืองถาวรที่นี่ ต้องอยู่แคนาดา 2 ปี ใน ทุกๆ 5 ปีแบบไม่ต่อเนื่อง
นอก จากจะเป็นซิติเซนต์แล้วเท่านั้นซึ่งต้องอยู่ 3 ใน 4 ปีแบบไม่ต่อเนื่อง จึงจะยื่่นขอได้ ซึ่งผมก็เข้าช่วงอยู่อีก 12 เดือนเพื่อยื่นขอซิติเซนต์แล้ว


เป้าหมายแรก คือ การทำธุรกิจเพิ่ม ได้ลงทุนทำร้านอาหารไทย ถือหุ้นไว้ เพื่อใช้ทำงานเป็นฐานระหว่างเรียนต่อ สิ่งที่เรียนรู้ ก้ไม่มีอะไรยาก แต่ไม่ง่ายเมื่อมีการร่วมหุ้นในองค์กรเล็ก การทำงานร่วมกัน การบริหารระบบการเงิน ข้อคิด ถ้าจะลงทุนในกิจการใด ต้องมีความรู้ในสิ่งนั้นให้มาก ว่าขั้นตอนกระบวนการอย่างไร แล้วใช้หลักการบริหารในด้านต่างๆ เขา้มาจัดการให้เกิดประสิทธิภาพ ก็สามารถทำได้จิง
การเป็นทำธุรกิจนั้น ถ้าในฐานะ business owner ต้องใช้เวลาการทำงานดูแลมากกว่า ข้อจำกัดคือเวลา แต่สามารถแก้ไขด้วยฐานะ Investor ในตลาดหุ้นเองด้วยร่วมกับความถนัดสายอาชีพเดิม ที่เรียกว่า ใช้เงินทำงาน 1 นาทีเหมือนกันแต่ค่าของเวลาไม่เท่ากัน แต่ต้องมีศึกษาข้อมูล อ่านและวิเคราะห์ระบบการเงินให้ดี เพราะมีความเสี่ยง แต่ของที่เสี่ยง ก็กำไรสูงเช่นกัน ต้องยอมรับการขาดทุนในจุดนี้ให้ได้


เป้าหมายที่สอง การเรียนต่อ ภาษาผมดีขึ้นในเรืองการฟังและการพูดที่เด่นชัดขึ้นมาก ไม่รู้สึกอึดอัดในการฟัง แม้ว่า จะไม่เหมือนพูดพวกที่เกิดที่นี่ แต่ก็น่าจะดีกว่า คนไทยส่วนที่อยู่เมืองไทย  โดยการเรียนต่อในสาขาเดิมนั้น เพื่อใช้เป็นพื้นฐานในการทำงานสายเดิม ให้เท่ามาตรฐานฝรั่ง ซึ่งบอกตรงๆว่า มีการกีดกัน ทางด้านภาษา คุณภาพการศึกษา ในมุมมองของฝรั่ง ระหว่าง ประเทศที่กำลังพัฒนา และ พัฒนาแล้ว ก็เหมือนที่เรา มองประเทศเพื่อนบ้านเรานั่นแหละ เขาก็มองเราเช่นนั้น แต่ความจริง คนประเทศกำลังพัฒนาเช่น อินเดีย จีน ยังเรียนเก่งกว่าฝรั่งเสียอีก ติดกันแค่ด่่านภาษาเท่านั้น หลังว่าคงเป็นประโยชน์ในการทำงานในอนาคตได้เป็นอย่างดีทีเดียว รวมทั้งเพิ่มความยอมรับในการใช้บริหารคน ในมุมมองของสังคม การเรียนรู้ อยากรู้อะไร ก็ค้นคว้าหาความรู้ในสิ่งนั้นเอง ไม่จำเป็นต้องมีคนสอนตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าได้ภาษา ข้อมูลจะกว้างอย่างมากมายทีเดียว

เป้าหมายที่สาม ซิติเซนต์  ทำไมต้องเป็น คนไทย ไม่พอเหรอ ตอบได้ว่า พอ แต่ที่นี่ มีอะไรที่บ้านเราไม่มี ยกตัวอย่างเช่น ระบบเศรษฐกิจที่แข็งแรงกว่าบ้านเรา โดยเฉพาะตลาดหุ้นขนาดใหญ่และการจ่ายบันผลให้เป็นรายเดือน นั้นดีกว่า , พาสปอร์ต สามารถเข้าประเทศที่พัฒนาแล้ว G7 ได้เป็นปี ไม่ต้องขอวิซ่า
การศึกษา ที่นี่เรียนฟรี เกรด 1-12 ต่อมาในระดับมหาลัยจ่ายเพียง 50% เมื่อเทียบกับ International student สามารถขอทุนรัฐบาลเรียนตรี โท เอกได้ครอบคลุมค่าเรียน ค่าอยู่ทั้งหมด แต่ หลังจบ 6 เดือนก็ทยอยจ่ายคืนด้วยดอกเบี้ยต่ำมาก และสามารถให้ค่าเล่าเรียนลดหย่อนภาษีได้อีก ถ้าผมมีครอบครัว ก็คงให้มาเรียนกันที่นี่แน่นอน


ผลพลอยได้
เพิ่งรู้ว่า ที่นี่ มีตลาดหุ้นรายเดือนซึ่งก่อนมาก็ไม่รู้ในจุดนี้ พลเมืองแคนาดา สามารถซื้อหุ้นของตลาด US,Canada,Hongkong  ผ่านอินเตอร์เน็ต ได้ด้วยตัวเอง ถ้าอยู่ไทยมีคอม มีเน็ต คุณก็ซื้อ ขายได้
ไม่ต้องอยู่ในแคนาดา เพราะความก้าวหน้าของเทคโนโลยีระบบอินเตอร์เน็ต
มี ความรู้สึกว่า บ้านเรา ก็มีอะไรดี ดี แต่เมื่อเราอยู่ใกล้มักจะมองข้าม ได้ความอดทน และเข้าใจชีวิตมากขึ้น บางอย่างก็มีชอบ ไม่ชอบ มีได้ มีเสีย เป็นธรรมดา ที่สำคัญได้เห็นมุมมองที่กว้าง และหลากหลายขึ้น ทั้งความคิด หลักการรูปแบบตะวันตก ซึ่งก็ไม่ได้ดีทุกอย่าง แต่บางอย่างก็มีดี นำไปใช้ได้จิง


ข้อเสียที่พบเจอ
แคนาดานั้น มีอากาศที่หนาวเย็นมาก ซึ่งไม่เหมาะกับคนเอเชียเท่าไหร่ ยอมรับว่าหนาวถึงกระดูกจริงๆ
และ มีฤดูหนาวที่ยาวนานถึง 7-8 เดือน  ต่ำสุดนั้น ถึง -30'C ที่เดียว แต่หน้า spring และ summer นั้น สูงสุด 25'C ซึ่งอบอุ่นดี เมืองที่เหมาะสม สำหรับคนเอเชีย คือ แวนคูเวอร์ ซึ่งติดกระแสน้ำอุ่น
ความไกลบ้าน ถ้าคุณมาอยู่คนเดียว ก็จะรู้สึกเหงามาก สังคมนั้นน้อยกว่าเมืองไทยบ้านเรา ชั่วโมงในการอยู่บ้านนั้น มากที่เดียว โดยเฉพาะ หน้าหนาว ทำให้รู้สึกเบื่อได้ง่ายที่เดียว อินเตอร์เน็ตจึงเป็นสิ่งจำเป็นในการออกโลกภายนอก เช่น มัลติพาย ไว้ดูภาพท่องเที่ยว, Facebook สังคมพบประ กวนเพื่อน ก็พอช่วยได้บรรเทาได้บ้าง , Youtube ได้ดูทีวี ละคร โชว์ พอแก้ขัดได้บ้าง,MSN ไว้คุยกับเพื่อน หรือใช้ทำงานที่เมืองไทย , อาหาร ข้างนอกไม่ค่อยอร่อย แพง แถมไม่ถูกปากแบบบ้านเรา


สุดท้าย ด้วยสภาวะเมืองไทยเป็นแบบนี้ ผมก็คงอยู่นี่อีก 12 เดือนเพื่อเก็บของขวัญชิ้นสุดท้าย ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร นี่คือ การลงทุนของอนาคต ก็ต้องมีทั้งดี และ ไม่ดีเป็นธรรมดา ไม่ใช่ว่า ไม่รักเมืองไทย หรือ บ้าเมืองนอก ผมนะอยากกลับบ้านมาก แต่ต้องทำเพื่อคนอื่นข้างหลังผมด้วย  ขอขอบคุณผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน ที่ทำให้ผมอยู่ไกลบ้านได้ไม่เหงา ขอบคุณคับ.

No comments:

Post a Comment