North america

Global Trading Investment Knowledge in Stock Markets : USA (Dow Jones, Nasdaq), Canada (TSX), Thailand(SET)

Sunday, January 30, 2011

ค้นหาหุ้นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend ) มาเล่นดีกว่า โอกาสกำไรได้เลย ง่ายนิดเดียว

มาหุ้นนอก ขาขึ้นมาเล่นดีกว่า ทำกำไรได้เลย ง่ายนิดเดียว  หุ้นมีเป็นพัน เป็น หมื่นตัว จะหากันอย่างไรล่ะ เยอะ คำตอบมีให้คือ เครื่องมือในพอร์ต ที่เรียกว่า Technical Event Screener นั่นเอง จากบทความก่อน ผมลอง Scan หาหุ้น ตลาด US โดยใช้ค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ในการค้นหา เช่น P/E <10,P/BV < 2, Dividend > 10% มาให้ชมกันแล้ว  โดยใช้ โปรแกรม Stock Screener ของ Google Finance หาได้เฉพาะ ตลาด US แต่ไม่สามารถ หาหุ้นใน ตลาด Canada ได้

การหาหุ้นโดยหลักเกณฑ์ Technical มาค้นหา ในการหาหุ้นช่วงขาขึ้นเวลาดังกล่าว ที่เคยเห็นสามารถทำได้ด้วย Metastock หลายคน คงได้ใช้กันบ้าง ผมก็เล่นอยู่ เช่น การหาหุ้นขาขึ้นด้วยระบบ MACD  ก็สามารถทำได้  ในพอร์ตของฝรั่ง ก็สามารถทำได้ โดยใช้ Technical Event Screener ในการคัดหุ้นมาเล่นทำกำไร (แต่จะให้โบรคเกอร์เมืองไทยหาให้ ก็คงยากนะ ... ติดตาม Blog กัน ช่วงหลังจะเป็น การบอกหุ้น รายตัวกัน ที่น่าสนใจครับ แบ่ง แบ่งกัน เอา $ ช่วยมาช่วยชาติกัน)

ถ้าถามว่า ทำไมต้องหาหุ้นขาขึ้น มาเล่นละ ผมไม่เห็นต้องดูกราฟเลย ผมเป็นพวก VI ไม่ต้องดูกราฟหรอก หุ้นพื้นฐานดี (จะบอกว่า ตัวที่ผมเล่น SET พื้นฐานดี หุ้นบันผลสูง แต่ทำไมซื้อแล้วราคาตก ช่วงนี้ ของถูกก็หายาก ไม่ดูกราฟทางเทคนิค ดอยเต็ม ๆ ครับ ดูแล้วก็จะยังดอยก็มี ตลาดมันเร็ว)  จะดีกว่าใช่ไหม ถ้าคุณเป็น VI แถมเล่นทางเทคนิคได้ด้วยนะ เข้าซื้อของถูก แถม เข้าขาขึ้นก็ได้ตางค์ ง่าย ๆ ทำกำไร ทันที จะไปซื้อ หุ้นของถูกขาลงกันทำไม ซื้อของถูกขาลง ถูกจริงหรือครับ ซื้อไม่ดูกราฟ รอกลับตัวขาขึ้นจะดีซะกว่า ซื้อแพงหน่อย หุ้นขึ้นขายทำกำไรได้เลย (ซื้อแล้วคิดว่า ถูก ราคาหุ้นไหลลงไปอีก เงินจมละซิ เงินหมด ต้องเติม ไม่มีเงินซื้อใหม่ เวลาหุ้นขาขึ้น แล้วมาปลอบใจตัวเอง ว่า คือ VI (จำยอม) เท่ห์ เท่ห์ อิ อิ) เล่นแบบนี้ ไม่ใช่แนวทางผมเลย จะไม่เล่นครับ (แต่ตลาดป่วนมาก ก็โดนกะเขาเหมือนกันนะ ก็ดอย กันไปตามระเบียบครับ) เวลามีจำกัด ทำกำไรทันทีได้เลยไม่ดีกว่าหรือครับ   ส่วนความคิดที่ว่า ซื้อรอปันผล ปีละครั้ง หรือ สองครั้ง ดีกว่า ฝากธนาคาร ก็พอแล้ว พอเพียงแล้ว จริงหรือ

จะดีกว่า หรือไม่ ถ้าซื้อหุ้นนอก บันผลรายเดือน หรือ รายไตรมาส ขึ้น ขาย ลงซื้อ เล่นไม่กี่ตัวหรอกครับ เข้าตัวนี้ตามกราฟ หมดรอบ ไปเข้าอีกตัวเร็วกว่า หรือ หุ้นไทย บันผลรายปีก็ได้ ไม่มารอเป็นเล่นยาวแบบ VI เป็น 5-10 ปี หรอกครับ แก่กันพอดี ใครจะไปรู้อนาคต ผมซัดกำไร ไปไกลกว่าแล้วนะ ขำ ขำ (VI รุ่นแรก เขารวยกันไปแล้ว ซื้อเข้าตลาดก่อน ไม่กี่ร้อยจุด ตอนนี้เป็น พันจุด ก็ร่ำรวย สิครับ ไม่ดูกราฟก็ร่ำรวย มันต่างกัน เรามาช้ากันครับ ต้องเปลี่ยนแนวคิดและรูปแบบการเล่น)  หรือ รอเศรษฐกิจเมืองไทย การเมือง กีฬาสี ดูประวัติตลาดหุ้นก็จะรู้ว่า ในอดีตเป็นอย่างไร ซื้อตอนไหน จึงกำไรแบบ VI หลายเท่า (ผมก็รอซื้อของถูกอยู่เหมือนกันนะ ช่วงไม่มีคนสนใจ ค่อยๆ เก็บเงียบๆ อิ อิ) หุ้นมันเป็นรอบครับ เข้าออกตามรอบ ก็ได้กำไร เน้น เน้น เหมือนกันนะ คือ ไอเดียของผมนะ  เร็วกว่า รอตาม Fund flow ลงทุนนอกประเทศได้มีทางเลือกครับ เราเลือกได้ ไม่ต้องรอเวลา รอโชคชะตา

มาชมวิธีหาหุ้นแบบ Technical Event Screener กัน ด้วยรูปภาพจะเข้าใจง่ายขึ้น อันดับแรก จะต้องใส่เงื่อนไขการ Scan แบบทาง Technical เพื่อใช้ในการค้นหา,ตลาด,ช่วงเวลา หรือ รูปแบบทางเทคนิค (Event Technical) เป็นต้น





ตัวอย่าง จะลองค้นหาหุ้นขาขึ้นด้วยระบบ MACD ครับ เป็นที่รู้ว่า MACD ตัดเส้น Signal จะเป็นสัญญานแนวโน้มขาขึ้นนะครับ ลองมาชมกันว่า ผลการค้นหาจะเป็นอย่างไร 



ผลการค้นหาได้หุ้นมาเยอะทีเดียวครับ (ตัดมาใช้ชมพอสักหน่อย)


ลองเลือกหุ้น NG ตลาด AMEX มาดูกันว่า ผลการค้นหาเป็นอย่างไร จะบอกผลการวิเคราะห์ทางเทคนิค พร้อมข้อมูลในการตัดสินใจได้เลยครับ เป็นข้อมูลในการเลือกเล่นหุ้น ได้อีกทางหนึ่ง



ดังนั้น จะเห็นได้ว่า การค้นหาหุ้นโดยใช้ระบบทาง Technical มาค้นหาหุ้น จาก พัน หรือ หมื่น หุ้นในตลาดอเมริกาเหนือ ทำได้ไม่ยากเลยในช่วงเวลานั้น ว่า หุ้นตัวไหนกำลังเป็นขาขึ้น มีความเหมาะสมที่จะลงทุนและสามารถทำกำไร ได้อย่างทันที ไม่ว่า หุ้นไทย หรือ หุ้นนอก ระบบการเล่นไม่ได้แตกต่างกัน เล่นหุ้นไทยก็เล่นหุ้นนอกได้ ถ้ามีเครื่องมือในการค้นหา วิธี Techincal Event Screener นี้ มีติดมาในพอร์ตที่เปิดเมืองนอก (โบรคเกอร์เมืองไทย ไม่แน่ใจว่าทำได้ไหม แต่ไม่เป็นไร ช่วงหลัง บทความจะ Scan เอามาฝากกันครับ)  สำหรับ ผู้ใช้โปรแกรม Metastock ก็สามารถทำได้ สำหรับหุ้นไทย หรือ หุ้นนอก ขอให้มีเพียงฐานข้อมูลสำหรับ Metastock ก็ทำได้ไม่ยาก มีวิธีค้นหา ไม่ยากเลยนะครับ

สรุปว่า หุ้นในตลาดอเมริกาเหนือมีเยอะมาก ไม่เหมือนเมืองไทย 400-500 ตัว เมืองนอกเยอะกว่ามาก ต้องใช้ ระบบ Screener ที่ดี มาช่วยจะทำให้ลดเวลาการหาหุ้นดี ดี ในเวลาขาขึ้นที่เหมาะสม มีแนวโน้มขาขึ้น เมื่อลงทุนแล้ว ราคาหุ้นขึ้น สามารถขายทำกำไรได้ทันที แม้ว่า หุ้นจะราคาแพง ซื้อแล้ว ราคาขึ้น ขายได้กำไร ก็ไม่เลวทีเดียว ใช่ไหมครับ  ส่วน หุ้นไทย SET ก็มีวิธีหาเหมือนกัน คือ การดูกราฟทางเทคนิคระบบ EMAs หรือ มั่นคอยสังเกตตัว Most active ดูก็จะพอรู้ หรือ ผู้มีฝีมือ เขาจะใช้โปรแกรม Metastock ค้นหาก็ทำได้อย่างรวดเร็ว ซื้อปุ๊บ โอกาสทำกำไรได้ทันที เข้าที่หลังเขานิด ออกก่อนเขาหน่อย อย่างไรก็กำไรครับ เข้าผิดตัว Cut loss เป็นวินัย รอเข้าใหม่ โอกาสกำไรมากกว่า ขาดทุนแน่นอน

บทความต่อไป จะนำเสนอบทความแนะนำ โปรแกรม Metastock ของฝรั่งคืออะไร มาใช้กับหุ้นนอก ได้อย่างไร คร่าวๆ  (หุ้นไทย ก็ใช้ได้ ก็เหมือนกัน แค่เปลี่ยนฐานข้อมูล)ไว้ติดตามชมกัน

Wednesday, January 26, 2011

มาดูเครื่องมือการวิเคราะห์หุ้นในพอร์ทของฝรั่ง มีอะไรกัน ตอน เจาะหุ้นรายตัว

มาดูเครื่องมือการวิเคราะห์หุ้นในพอร์ตของฝรั่ง มีอะไรกัน ตอน เจาะหุ้นรายตัว
เมื่อเรามองภาพรวมของธุรกิจได้ ในการเลือกหุ้นที่ดี เราก็ต้องมีข้อมูลในการวิเคราะห์และตัดสินใจจากเครื่องมือ หรือ ข้อมูลที่เราหาได้  พอร์ทของฝรั่งจะดีอยู่ที่ว่า ข้อมูลจะ Link มาที่ตัวหุ้นได้เลย ในแต่ละพอร์ท ไม่ต้องไปติดตามแบบโบรคเกอร์ บ้านเราวิเคราะห์ ทุกอย่างส่งตรงมาที่พอร์ท รูปแบบนี้ ก็เหมือน Google Finance หรือ Yahoo Finance นั่นเอง ในรู้แบบที่เราเข้าใจได้ว่า "One stop service"

ตัวอย่าง การวิเคราะห์หุ้นแบบเจาะรายตัวหุ้น

อันดับแรก ก็ต้องมองภาพรวมของหุ้น (Overview) ราคาสูงสุด ต่ำสุด +/- 52 Weeks หรือ ราคาปัจจุบัน ราคาเปิด-ปิด ในแต่ละวัน โดยสามารถดูแบบ Real time ได้เลยครับในรู้แบบกราฟปกติ หรือ แบบ Advanced chart (Technical analysis) , ความเห็นของนักวิเคราะห์ ให้ซื้อ ขาย หรือ ถือ , ข่าวและรายงานเกี่ยวข้องกับหุ้น รวมไปทั้ง รายงานผู้บริหารซื้อ ขาย (Insider report)


ข้อมูลพิ้นฐานของหุ้น ที่ใช้ในการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน เช่น P/E, P/BV, Dividend Yield, Book Value เป็นต้น



ข้อมูลภาพรวมของหุ้นเปรียบเทียบกับหุ้นตัวอื่นของธุรกิจเดียวกัน หรือ คู่แข่ง ในภาพรวม (Overview) หรือ ประสิทธิภาพในการทำกำไร (Performance) ย้อนหลัง




ข้อมูลทางกราฟ (Charts) โดยการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค แบบ Interactive ตามกราฟรูปแบบต่างๆ (Line,Candle stick) รวม Indicators ต่างๆ เช่น EMAs, MACD, RSI, Volume เป็นต้น



ข่าวเกี่ยวข้องของบริษัท การเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร, การลงทุนเพิ่ม, การประชุมผู้ถือหุ้น, ผลการดำเนินงานตาม ไตรมาส  หรือ การประกาศจ่ายบันผลรายเดือน หรือ รายไตรมาส


ข้อมูลการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน เปรียบเทียบกับดัชนีของธุรกิจ (Industry) ร่วมกับ ข้อมูลทางการเงิน (Financial) ที่จำเป็นต้องพิจารณาแนวโน้มของหุ้นที่เราสนใจที่จะลงทุนว่า มีกำไรหรือไม่อย่างไร มีแนวโน้มการเติบโตเทียบกันในแต่ละปีเป็นอย่างไร


การวิเคราะห์ทางเทคนิึคเชิงลึก (Technical Insight ) โดยนอกจากที่วิเคราะห์แนวโน้มของหุ้นทางเทคนิคดัวตัวเองแล้ว เราสามารตรวจสอบการวิเคราะห์ทางเทคนิคแบบสำเร็จรูป ด้วยโปรแกรมที่จัดมาให้ในพอร์ท ได้เลยว่า เป็นช่วง Bullish หรือ Bearish ตามช่วงวัน ระยะเวลา สั้น กลาง ยาว ที่เราจะซื้อ-ขายหุ้นตัวนั้น เหมือน ข้อมูลการวิเคราะห์ที่ได้รับจากโบรคเกอร์บ้านเรานั่นเอง มีแนวรับ แนวต้าน เป้าหมายราคา จุด Cut loss เป็นต้น


ตัวอย่างรูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่จัดให้มาพร้อม ตามช่วงวันเวลา ช่วยในการตัดสินใจของเราได้มากขึ้นทีเดียว


ลองเลือกตัวอย่างมาให้ชมครับ ในแบบการวิเคราะห์ MACD ในวันที่ 14/1/2011 ใช้ชมกัน มีคำอธิบาย พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคได้สะดวกทีเดียว


ดังนั้น การเลือกหุ้นในการลงทุนที่ดี ต้องมองภาพรวมของธุรกิจเปรียบเทียบกับข้อมูลหุ้น ในเชิงการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน โดยข้อมูลด้านมุมมองต่าง ๆที่เกี่ยวข้องกับหุ้นมีความจำเป็นมากในการพิจารณาการลงทุน โดยมีลักษณะที่มีความสะดวกรวดเร็ว ได้ประโยชน์ ในการวิเคราะห์อย่างมากถึงขั้น Real time โดยสามารถเชื่อมกับตัวหุ้น นั้นๆ ได้เลย และ ในเชิงการวิเคราะห์ทางเทคนิค ที่มีการจัดเครื่องมือการวิเคราะห์ด้วยตัวเอง มาให้ใช้งานได้หลายรูปแบบได้อย่างเต็มที่  รวมทั้งมีการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่จัดมาให้ในรูปแบบสำเร็จรูป เพื่อสอบทวนการวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้เรามีข้อมูลเชิงเทคนิค ในการวิเคราะห์เพิ่มมากขึ้น รูปที่มา ที่ไป ใช้เทคนิคหลักการไหน เขาเขียนอธิบายไว้ให้พร้อม ง่ายแก่การทำเข้าใจและเรียนรู้ได้มากกว่าบ้านเรานะ ที่วิเคราะห์มาให้แต่ไม่ได้บอกว่า หาได้มาอย่างไร เหมือนกับเราเรียนรู้ไปด้วยกันทีเดียว

ไม่ว่าเราจะลงทุนในประเทศ หรือ ต่างประเทศ ข้อมูลและเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์เป็นสิ่งจำเป็น สำหรับนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพื่อช่วยในการตัดสินใจให้เห็นภาพรวมของหุ้น ธุรกิจ แนวโน้มของหุ้น ขาขึ้น ขาลง กลับตัว เพื่อสามารถเข้าซื้อหุ้นและขายหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้กำไรสูงสุดแล้วครับ อ่านบทความนี้แล้ว ลองย้ิอนถามตัวเองนะครับ ว่าเรามีข้อมูลและเครื่องมือในการลงทุนที่ดีแล้วเหรอยัง ไม่ได้บอกให้ไม่เชื่อโบรคเกอร์นะครับ ให้ฟังความคิดเห็น อ่านบทความการวิเคราะห์ ยิ่งมีข้อมูลมาก ตามแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเรา ทั้งลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือ จะเป็นในรูปแบบเก็งกำไร โอกาสทำกำไรเรายิ่งมากและโอกาสขาดทุนยิ่งน้อยลง ถ้าวันนี้เราเป็นนักลงทุนแบบ VI แล้วยังดูกราฟทางเทคนิคไม่เป็น ให้วิเคราะห์อย่างไร ก็จะเก็บของถูก ขายของแพงลำบากนะครับ หาเครื่องมือช่วยดูแนวโน้ม และศึกษากราฟร่วมด้วย คงจะช่วยการตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้นครับ

บทความต่อไปจะนำเสนอเครื่องมือในการค้นหาหุ้น Screener รวมทั้ง Technical Event Screener มาให้ชมครับ เลือกเล่นหุ้น Bullish (Uptrend)  ก็มีโอกาสได้ทำกำไรอย่างทันที

Monday, January 24, 2011

มาดูเครื่องมือการวิเคราะห์หุ้นในพอร์ทของฝรั่ง มีอะไรกัน ตอน มองตลาดภาพรวม

มาดูเครื่องมือการวิเคราะห์หุ้นในพอร์ตของฝรั่งกัน  มีอะไร ดี กันนะ  บางคนอาจจะไม่เคยเห็น ที่มันเหมือนบ้านเราไหม ต้องมาคอยตามโปรคเกอร์วิเคราะห์ให้ หรือ จะเหมือนข้อมูลที่ Google Finance หรือ Yahoo Finance กันมั้ย มันดีกว่าหรือไม่อย่างไร


การลงทุนในธุรกิจใดก็ตามไม่ว่าในเมืองไทย หรือ ในต่างประเทศ นักลงทุนแบบเรา เรา ต้องมองภาพรวมหรือ ภาพใหญ่ให้ออก แล้ว ค่อยเจาะเข้าไปยังรายละเอียดในประเภทธุรกิจ แล้ว รายละเอียดในตัวหุ้นนั้น นั้น แบบนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Valued investor) ชอบค้นคว้ากัน นักลงทุนแบบ VI บ้านนอกแบบผม ก็ต้องมองภาพรวมของตลาดให้ออก มัน Bullish หรือ ฺBearish  นั่นเอง ในตัวอย่างพอร์ตที่ยกมาให้ชม จะมีข้อมูลทั้ง Market and Research บรรจุแนบมาให้วิเคราะห์ในพอร์ตกันได้เลยในภาพรวม ถ้าเป็นบ้านเราก็ต้องอ่านของโปรคเกอร์เอา หรือ จะวิเคราะห์เองก็แล้วแต่นะครับ ภาพรวม ภาพใหญ่ของตลาดต้องดูกันนิด ถ้าตลาดบูม ซื้ออะไร อะไร ก็มีแนวโน้มขึ้น มีกำไร ใช่ไหมละครับ  มาชมตัวอย่างกัน


Market overview


มองภาพใหญ่เราก็ต้องมองภาพรวมของตลาดโซนอเมริกาเหนือ เช่น TSX, S&P, DOW, NASDAQ ว่า มีแนวโน้มขึ้นลงอย่างไร ถ้าเรากดไปที่ชื่อของตลาดก็จะโชว์กราฟแนวโน้มมาให้ดูกันด้วย รายงานภาพรวมตลาด การเปรียบเทียบภาพรวมตลาดโลกเป็นกราฟ เปรียบเทียบกัน ชัดเจน กันเลย รวมทั้ง การจัดลำดับหุ้นตาม Gainer,Loser,Most active (อันนี้ก็ทั่วไปนะ Google/Yahoo ก็มี) สะดวกดี สำหรับการมองภาพรวมของแต่ละตลาดในการลงทุน



การเปรียบเทียบดัชนีแต่ละตลาดสามารถทำได้กันแบบ Real time  รวมทั้งข้อมูลทางสถิติ



การวิเคราะห์ทางประเภทธุรกิจ (Sectors) ก็จะทำให้ทราบแนวโน้มการลงทุนในธุรกิจประเภทใดที่ให้ผลตอบแทนที่ดี หรือ มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ตามประเภทธุรกิจในภาพรวม


 ข่าวเพิ่มเติม สำหรับมุมมองแนวโน้มภาพรวมของตลาด


รายงานนักเวิเคราะห์ สำหรับมุมมองแนวโน้มภาพรวมของตลาด



มุมมองภาพรวมตลาดโดยใช้หลักการทางเทคนิคประกอบ  หุ้นตัวไหนที่กำลัง uptrend มาสามารถกรองออกมาได้เลยตามเงื่อนไขที่ใช้ในการหาหุ้น uptrend เช่น หุ้น Bullish ก็สามารถกรองออกมาได้จากภาพรวมตลาด สะดวกที่เดียว เหมือนกับใช้ โปรแกรม Metastock ในการหาหุ้น Bullish ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกรวดเร็ว


ตัวอย่างหุ้น Bullish ที่ใช้ Technical scanner กรองออกมาจากในตลาดหุ้น TSX บางตัว


กราฟทางเทคนิคอล ประกอบ หุ้นที่ถูกกรองมา พร้อมข้อมูล ราคาเป้าหมาย รูปภาพ วิธีการวิเคราะห์ ประกอบออกมา ถ้าเราเล่นหุ้นขาขึ้น ซื้อปุ๊ปก็ได้ ตางค์ค่าขนมทันที รวดเร็วทันใจครับ แต่ เราต้องศึกษาหุ้นตัวนั้นทางพื้นฐานด้วยอีกทีนะครับ เพื่อลดความเสี่ยงให้น้องลง โอกาสทำกำไรก็จะมากขึ้นครับ


ดังนั้น มุมมองของตลาดภาพรวม มีความจำเป็นในการเลือกการลงทุนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละตลาด รวม ข่าว ข้อมูล การวิเคราะห์ในรูปแบบต่างๆ จะทำให้เราเห็นภาพรวมของตลาด ประเภทธุรกิจในการลงทุนต่างประเทศ ครบถ้วน มากขึ้น และ ทำให้่เกิดความมั่นใจในการลงทุน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ถ้าเราไม่สามารถมองภาพใหญ่ของตลาดออกว่า ตลาดกำลัง Bullish หรือ ฺBearish โอกาสทำกำไรก็น้อย และ โอกาสขาดทุนก็ย่อมมีมาก ก่อนที่เราจะไปวิเคราะห์เจาะลึกหุ้นรายตัว ในเชิงการวิเคราะห์ทางพื้นฐานและทางเทคนิคประกอบกัน การใช้เครื่องมือ ข้อมูล ที่ดี มีประสิทธิภาพ ช่วยในการตัดสินใจ ในมุมมองในด้านต่างๆ นะครับ จะทำอะไร เราต้องมีความรู้ ความเข้าใจตลาดเสียก่อน ถ้าไม่มั่นใจ ก็อย่าเพิ่งลงทุน ศึกษาไปก่อนได้ จะได้ไม่เสี่ยง เพราะ การลงทุนมีความเสี่ยง ต้องใช้วิจาณญานในการลงทุนนั่นเอง เสี่ยงอย่างรอบคอบ ดีกว่านะ

บทความต่อไปจะแนะนำเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์ในภาพหุ้นรายตัว ด้วยการวิเคราะห์ทางพื้นฐานและทางเทคนิค ต่อไปครับ ว่าเครื่องมือที่ดี ช่วยเราได้อย่างไรบ้าง มีเครื่องมือดีก็ มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วนะครับ

Saturday, January 22, 2011

เกาะติด Fund flow ฝรั่งไปไหน ไปด้วย (เหาฉลามพันธุ์แท้)


เกาะติด Fund flow  ฝรั่งไป ไหน ไปด้วย (เหาฉลามพันธ์แท้) เป็นที่รู้กันว่า Fund flow ไปไหน ตลาดหุ้นนั้น นั้น ก็จะเป็นขาขึ้นนะครับ เราซื้อหุ้นไว้ในตลาดไหน โอกาสที่หุ้นเราจะขึ้นตามตลาดก็สูงก็มีมากใช่ครับ ถ้าคุณเล่น SET ตลาดจะมีการซื้อ ขายหนาแ่น่น ก็ต้องรอ Fund flow เงินจากฝรั่ง เงินเขาหนากว่าเราต้องยอมรับนะครับ  เวลาเขาเอาเงินออก หรือ สถาบัน ขาย ตลาด SET ก็ร่วง หรือ Sideway โอกาสหุ้นเราซื้อแล้วไม่ขึ้นแล้วก็ยังลง ขาดทุนได้แน่ ดังนั้น เล่นหุ้นตลาดเดียว สิ่งที่ทำได้คือ รอ Fund flow ของฝรั่งมาดัน ของหุ้นราคากลาง หรือ แพง ส่วน หุ้นบางตัวกลาง ขนาดเล็ก ก็รอเจ้ามาลากกันล่ำซำกันไปตามระเบียบ  ส่วนผมมีทางเลือก ฝรั่งเอาเงินกลับก็ตามไปกะเขาด้วย ไปดัก ไปเกาะ Fund flow เขาไปด้วย ตางคฺ์เรานิดเดียว โดนตางค์เขาดัน ไงก็ขึ้นนะครับ ดูกราฟนิดหน่อยก็หรูแล้ว นั่นเป็นข้อดีของการกระจายความเสี่ยงนะครับ ลงทุนต่างประเทศก็ตาม Fund flow เขาไป เป็น "เหาฉลามพันธุ์แท้" ไงก็กำไร จริงไหม นี่แหละ ข้อดีของการลงทุนหลายตลาด หรือ ลงทุนในต่างประเทศ กระจายความเสี่ยงทางเลือก ใช้เวลาได้เป็นประโยชน์ ไม่แต่เพียงรอคอยให้ตลาดหุ้นไทย แนวโน้มขาขึ้นอย่างเดียว  ตลาดไหนขึ้นก็ขอไปแจมด้วยนะ ไหลไปตาม Fund flow ละครับ

Global markets


วันที่ 21/1/2011   มีการแนวโน้มเพิ่มขึ้นของตลาดยุโรปและอเมริกา มีการโยกย้ายเงินเกิดขึ้นแล้วนะครับ ตลาดในเอเชีย เริ่มมีขายทำกำไรเอาเงินกลับบ้านทำกำไรกันไปก่อน

SET



SET  เริ่มมีการเทขายทำกำไรกันแล้วบ้าง (วันนี้24/11/2011 ภาพคงจะชัดเจนมากขึ้นทีเดียว แท่งแดงซะ)


DOW


DOW ตลาดมีการปรับตัวโน้มโน้มเพิ่มขึ้น

TSX



TSX มีการปรับตัวโน้มโน้มเพิ่มขึ้นแต่มีการปรับฐานกันบ้างเหมือนกัน น่าจะเอาเงินเข้าอเมริกากัน ไม่ใช่เอเชียอย่างเดียว (ตลาดหุ้นแคนาดา ยังไม่เปิด) แต่ แนวโน้มตลาดหุ้นทางอเมริกาเหนือยังคงได้อยู่เนื่องจากตลาดขนาดใหญ่ เราสามารถสังเกตแนวโน้มได้ทันจากแนวโน้มกราฟภาพรวมของตลาดหุ้น

จะเห็นได้ว่า หนึ่งปี เราสามารถติดตาม Fund flow ของ Global markets ได้ ว่า ตลาดหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มในตลาดใด กรณีที่เราลงทุนในต่างประเทศได้ ย่อมมีข้อได้เปรียบ และ สามารถปรับกลยุทธ์การลงทุนได้ ว่า จะเป็น ลงทุนแบบเก็งกำไร (Technical trader) หรือ ลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Valued Investor) มีทางเลือกและทางออกได้มากขึ้นทีเดียว สำหรับผมเมืองไทย ก็คงกลายเป็น VI จำยอมไปเรียบร้อยแต่หุ้นที่ถือเป็นบูลชิพ ถ้า Fund Flow กลับมา ฝรั่งก็จะเข้าบูลชิพ ตัวเดิม ขนาดกลาง และ ขนาดใหญ่ การกลับมาของราคานั้นเป็นไปได้ง่ายทีเดียว ด้วย Fund flow ขนาดใหญ่นั่นเอง สำหรับผู้ที่ถือหุ้นดี ดี ที่ฝรั่งชอบซื้อก็ไม่ต้องตกใจอะไรมากมาย เพราะ พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนมากมาย (คิดเข้าข้างตัวเอง...ได้อีก) แต่ที่จริงควร Stop loss ไปบ้างก่อนตามกราฟเทคนิค ดังนั้น การดูกราฟก็มีประโยชน์ รอสัญญานซื้อก็ค่อยเข้ามาเล่นใหม่ก็ได้ แต่นั่นเป็น การรอคอย สำหรับอนาคต แต่มุมมองผมลงทุนในต่างประเทศสามารถทำกำไรได้อีกตลาดได้ทันที ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ไม่ต้องรอ  ก็เป็นข้อดีของการลงทุนต่างในประเทศ นั่นเอง 

Friday, January 21, 2011

Global investment trading เปิดพอร์ตเล่นหุ้นของฝรั่ง มาดูกัน มีอะไร



Global investment trading  เปิด พอร์ตเล่นหุ้นของฝรั่งกัน มาดูกัน ว่ามีอะไร  พอร์ตของฝรั่ง มันหน้าตาเป็นอย่างไรนะ  อาจจะไม่มีใครเห็นได้ ฝรั่งเทรดออนไลด์ได้ เทรด เทรด ป่วน ในตลาดอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชีย ได้โดยออนไลด์ครับ บ้านเราเขาคงเทรดกันอย่างไร อันนี้ไม่รู้ สงสัยคงต้องผ่านโบรคไทย เทรดเองไม่ได้ ต้องโฟนอิน (ศัพท์คุ้น คุ้น)  วันนี้จะมาเผยหน้าตา หล่อ หล่อ พอร์ตการเทรดของฝรั่งเป็นอย่างไร ซึ่งมั่นใจว่า เมืองไทยบ้านเรา ไม่มีแน่นอน ระบบธนาคารยังไม่ Worldwide ขนาดนั้นนะ



บัญชีเทรดหุ้นโดยทั่วไป บ้านเราก็คงเป็นเหมือนกัน คือ บัญชี Cash balance account และ Credit balance account  (ก็ตามแบบฝรั่งกันมา)
ความหมายไทย ๆ ก็ตามลิงค์ เลยครับ
(http://www.cns.co.th/pbsh/th/content.aspx?parentid=14&menuid=336&submenuId=338)

สำหรับ บัญชีการเทรดหุ้น ช่วงแรกแบ่งไปตามจำนวนเงินในพอร์ต ปกติก็จะเป็น Cash account คือ คุณต้องมีเงินก่อนจึงจะเทรดได้นะครับ ไม่ใช่แบบบ้านเรา T+3  เทรดไปก่อน เข้า ออก ภาย 1 วัน คิดผลต่าง เอามาจ่ายอีก 3 วัน หลังการซื้อขาย (T+3)  นั่นไงล่ะ หุ้นมันถึงได้มีเจ้า ปั่นกันระนาวขนาดนี้ หุ้นอะไร วัน วัน วิ่งกันอย่างรถไฟเหาะตีลังกา เข้าถูกตัว ดูกราฟเป็น ล่ำซำเร็วเลยครับ

ตัวอย่าง บัญชีเทรดหุ้น Cash balance account



เห็นได้ว่า บัญชีเทรดหุ้นของฝรั่ง จะสามารถเก็บ เงินในสกุลหลักได้ เช่น US, Canada, Hongkong dollar,Euro,Pound ระหว่างกันได้เลย สะดวกดีใช่ไหมครับ เป็นบ้านเราละก็ ต้องไปธนาคาร ไปแลกเงินกันวุ่นวายทีเดียวนะ  ถ้าใครค้าเงินก็โอนไป โอนมาได้กันเลยนะครับ สะดวกสะบาย สำหรับการเก็บสำรองเงินในบัญชี   เวลาเทรด ตลาดไหน ก็ต้องแปลงเงินไปสกุลที่ใช้เทรดกันในบัญชี  ไม่มีเงินหมดสิทธิ์ครับ

สำหรับพอร์ตที่มีเงินเกิน $100,000 ก็จะสามารถเปิดบัญชี Margin account ได้ โดยใช้สินทรัพย์ หุ้นที่ซื้อไว้ หรือเงินสดเป็นสิ่งค้ำประกัน  ทำให้ได้วงเงิน Margin สามารถเพิ่มอำนาจซื้อหุ้นได้มากขึ้น เสียดอกเบี้ยให้ธนาคารไปในส่วนที่ธนาคารออกให้

ตัวอย่าง บัญชี Margin account


จะเห็นได้ว่า โปรแกรมการเทรดหุ้นของฝรั่ง เขาเทรดได้หลายตลาดกว่า โดยสามารถแปลงเงินไป มาได้เลยระหว่างกันให้เหมาะสมกับตลาดที่ต้องการจะเทรด  ง่ายใช้ไหมครับ  ส่วน Global investment trading ของโปรคบ้านเรา เป็นเพียง Cash balance account  เท่านั้นด้วย ตามลายละเอียด Link นี้ ตัวอย่างของ ASP (http://inv2.asiaplus.co.th/cms/index.php?sc=global_finance)

ตัวอย่าง หน้าจอการเทรดส่งคำสั่ง ซื้อ ขาย



จะเห็นได้ว่า สามารถส่งค่ำสั่งเทรดออนไลด์ได้  6 ตลาด ทั่วโลก   ตั้งค่าการซื้อ-ขาย รายวัน (Day) หรือ แบบ Limited price  ได้เป็นเดือน เดือน สบาย สบาย ไม่ต้องมาเฝ้าหน้าจอกัน (Good till)
ทำความเข้าใจ Limit order ตามนี้ ครับ (http://www.investopedia.com/video/play/how-do-limit-orders-work)

ดังนั้น การลงทุนในต่างประเทศ นอกจากเสียค่าคอมมิชชั่นไม่น้อย ภาษีอีก ไม่เหมาะสมสำหรับ การเทรดระยะสั้น หรือ บ่อยๆ นั่นเอง ซึ่งจะทำให้เสียค่าคอมมาก โดยเหมาะกับการซื้อหุ้นบันผล เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือ ขายทำกำไรแบบเล่นรอบ ได้ทานกันคำโต โต เล่นตามกราฟ ถือยาวๆ เป็นการกระจายพอร์ตการลงทุนกันเสียมากกว่า (เล่นหุ้นไทย หรือ ทำงานประจำไป กลางวันไป) สามารถทำได้ ไม่เหมาะสำหรับ นักเก็งกำไร ข่าวแบบไทย มันไม่ค่อยมี หรือ เดย์เทรดกัน ตามเจ้ากัน แน่นอนครับ เพราะ ค่าใช้จ่ายในการเทรดมาก (เล่นเก็งกำไรเล่นที่ไทยตามปกติดีกว่านะ) แต่ในทางกลับกัน เล่นแบบเก็งกำไร หรือ เดย์เทรด หรือ ระยะสั้น ผมจะทำได้ถูก เพราะ ค่าเทรดผมเพียง $6.98 หรือ 220 บาท ต่อครั้ง ไม่ว่าเทรดด้วยเงินจำนวนเท่าไหร่ ต่างกันไหมครับ เปิดพอร์ตที่เมืองไทย กับ เปิดพอร์ตเมืองนอกเห็นไหมคร้บ  ลงทุนได้ทั่วโลก (แต่ไม่มีความรู้ที่จะลงทุนนะสิ ขำ ขำ)

ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนไทยทั้งพื้นฐานและทางเทคนิค เก่ง ๆ กันเยอะ ลงทุนไทยกันได้ดีทีเดียว แต่เสียตรงตลาดหุ้นบ้านเรา ปัจจัยหลากหลายภายในประเทศ  ถ้ามองการลงทุนตลาดเมืองนอกได้ กระจายพอร์ตการลงทุนนอกประเทศ ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวทีเดียว

บทความต่อๆ ไป จะเอาพอร์ตที่ครบด้วยเครื่องมือ การวิเคราะห์ทางพื้นฐานและทางเทคนิคให้ชมกัน ว่า ทำไมผมเล่นหุ้นนอกได้ ด้วยความมั่นใจว่า สามารถทำกำไรได้อย่างแน่นอน เหมือนมีโปรคเกอร์อยู่พอร์ตเลยแต่ เสียอย่างเดียวพูดไม่ได้ต้องอ่านเอาเอง โบรค Global trading เมืองไทย ก็สู้ ผมไม่ได้ ขำ ขำ ไว้จะเอามาให้ชมกัน โปรดติดตามกัน

Thursday, January 20, 2011

ลงทุนอ่านหนังสือการลงทุนในหุ้น เพิ่มความรู้กันดีกว่า ไม่รู้ยิ่ง ต้องอ่าน

ลงทุนอ่านหนังสือการลงหุ้น เพิ่มความรู้กันดีกว่า ไม่รู้ยิ่ง ต้องอ่าน  ปกติเป็นชอบเข้าร้านหนังสือครับ เข้าไปไม่ค่อยซื้อ ไปดูแนวโน้มหรือเทรนของโลกครับ เปิดมุมมองหรือเขาเรียก เท่ห์ เท่ห์ ว่า Vision  แนวโน้มของโลกจะไปทางไหน  นักลงทุนเขาลงทุนอะไรกันอยู่ เราจะได้รู้และใช่มาเลือกหุ้นในการลงทุนแบบ Valued Investor มองธุรกิจระยะยาว แนวทางแบบผู้บริหาร  ถ้าเป็นนักลงทุนเก็งกำไร หรือ แบบเทคนิค อาจจะไม่ต้องใช้ แค่ใช้การวิเคราะห์กราฟก็เหลือรับประทานแล้ว

สำหรับผมบอกแล้วว่า ผมเล่นทุกอย่าง  หุ้นไทยแบบนักลงทุน VI หุ้นบันผลสูง หรือจะดูแบบทางเทคนิค ซื้อ ขายตามกราฟ  หุ้นนอก ผมก็เช่นกัน แบบนักลงทุน VI เอาบันผลรายเดือนเป็นฐาน เอามาเล่นแบบเทคนิคเก็งกำไร ตามกราฟ ก็เล่น เล่นทุกสนาม ขอให้ได้กำไร เหมือนการกระจายพอร์ตและรูปแบบการลงทุน เล่นทุกอย่างเท่าที่มีเวลาและโอกาส  บางครั้ง ก็นั่งเฉยๆ (เขียน Blog เล่นไป) สำหรับหุ้นไทยขาลง ซื้อไปก็ขาดทุน เล่นหุ้นไทยไม่ได้ ก็ยังมีหุ้นนอกให้เล่น มีทางเลือกครับ

ชอบดูหนังสือ ถ้าเป็นเมืองไทยจะชอบสะสมหนังสือมากครับ เป็นชั้นซื้อไว้ให้น้องๆ อ่านตามกัน (กลับไปเมืองไทยไม่รู้ว่าจะสภาพดีอยู่เหรอปล่าว) เขียน Blog นี้ ก็เขียนให้ น้องชายอ่านกันด้วยครับ ว่าพี่ชายทำอะไรที่แคนาดา หนาว หนาวติดลบนะ มีความคิด มุมมองอย่างไร ยกตัวอย่าง หนังสือบางเล่มมาให้ชมดังนี้

Stock Investing for Canadians for Dummies
(Dummies คือ พวก งี่เง่า พวกไม่รู้นะครับ ผมสังกัดพวกนี้) อยากรู้ว่า พวกแคนาเดียน (อีกไม่นานก็จะเป็นหนึ่งในแคนาเดียน หัวใจไทยแล้ว)  เขาลงทุนกันอย่างไร ในตลาดหุ้น รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะ ร้อยครั้ง จะลงสนามเขาก็ต้องรู้จักสนามเขา จริงไหมครับ จะเอาลูกเสือ ก็ต้องเข้าถ้ำเสือ แต่ไม่ใช่ จู่ จู่ จะเข้านะครับ ต้องวางแผนและวิเคราะห์ข้อมูล เล่มนี้ ซื้อกลับมาอ่านด้วย ยอมเขาไป


Technical analysis for Dummies  
ก็ตามเดิมครับ ไม่รู้ว่า Technical analysis วิเคราะห์กันอย่างไร ก็อยากอ่านภาษาไทยนะครับ แต่ อ่านภาษาอังกฤษทำให้เราได้พัฒนาความสามารถทางภาษามากกว่า คงจะดีกว่าอ่านภาษาไทย  อ่านแล้วก็ งง งง ครับ ต้องไปถาม Google บ้าง ดู Youtube บ้าง  ก็เราเป็นพวกไม่รู้ ก็ยิ่งต้องอ่านสิครับ เล่มนี้ก็ซื้อกลับมาอ่าน



How to make Money in Stock
สะดุดตาครง National bestseller แถมขายไปแล้ว 2 ล้าน copies  สอนวิธีการลงทุนในหุ้น และ ข้อมูลตลาดหุ้นย้อนหลัง 100 ปี มีกราฟหุ้นให้ชมแต่ละหุ้น แนะนำจังหวะ ซื้อ ขาย ทำกำไร เป็นตลาดของ US markets ครับ ก็เสีย $ ไปเช่นเคย


The 100 Stock you can buy 2010
เล่มนี้ น่าสนใจเพราะ อยากรู้ว่า ทำไมที่สุด (Best) มันเลือกอะไรยังไง ทำไมมันถึงมีแค่ 100 ตัว ที่ดี ดี นะครับ ช่างสงสัยได้อีก รวมทั้งแนวโน้มการลงทุนในอนาคต ได้แก่ Green Investing (การลงทุนเทคโนโลยี่สีเขียว) , Investing in downturn (การลงทุนช่วงขาลง), Investing for retirement (การลงทุนสำหรับการเกษียรอายุ)  แค่นี้ เราก็สามารถควาดการณ์ได้ว่า ธุรกิจไหนน่าจะไปได้ ดี ควรจะเลือกซื้ออะไร (บางอย่างเราหาได้ตามข่าว ในเว๊ปไซด์ก็ได้ ครับ)  ไม่ได้ซื้อมาเล่มนี้ หุ้นแต่ละตัวอย่างเทพ แพง


The ultimate guild to trading
สนใจพวกการเทรด EFTs -exchange-traded fund ครับเลยลองอ่านดู ซึ่งผมก็ซื้อหุ้นทองสะสม Gold ซึ่งกองทุน ไม่มีความรู้ก็ต้องอ่านกันหน่อย




Day trade on line
ขายไปแล้วมากกว่า 100,000 เล่มเล่มล่าสุดที่เข้าไปยืนอ่านครับ จะลองเล่นหุ้นสั้นว่าเขาทำกันอย่างไร ต่อไปพอร์ตผมจะอัพเกรดไปอีกระดับ แล้วใกล้กลับเมืองไทยแล้ว ซึ่งวางแผนจะหาตางค์ค่าขนมในยามค่ำคืนกันนี่เอง  เขามีเทคนิคอะไร ที่เราไม่รู้ไหม กดสัก ปุ่ม 2 ปุ่ม อาจจะได้ตางค์ค่าขนมมาทานกัน ขอให้มี Iphone มีสัญญาน โลกการซื้อ ขาย ก็อยู่ในมือแล้ว โลกมันแคบลงด้วยเทคโนโลยีแล้วครับ


จะบอกตรงๆ ว่า บางเล่มก็อ่านไม่จบครับ อิอิ  ไม่ซื้อไปยืนอ่านก็มี อ่านแล้วหลับก็มี แต่ที่สำคัญเอาประเด็นสำคัญออกมาให้ได้ โดยวิธีแสกน ไม่งั้นเสียเวลาเป็นเดือนแน่ แสกนแล้วค่อยเจาะครับ ประหยัดเวลา  การลงทุนเรื่องการอ่าน การศึกษา ข้อมูลเพิ่ม "การอ่าน เป็นคุณสมบัติที่ดี ของนักลงทุนที่ดี" จะได้มีมุมมองและปิดความไม่รู้ครับ ถ้าเรามีมุมมองที่กว้าง ไกล คนอื่นมองไม่เห็น (ที่ไม่เห็น เพราะ ไม่อ่าน ไม่มีข้อมูล คนไทย ไม่ชอบอ่านหนังสือ แต่ ผมชอบอ่านนะ ไม่ชอบอ่านการ์ตูน แต่ ชอบดูการ์ตูน อิ อิ) ก็จะมีโอกาสมากกว่า คนอื่นและโอกาสประสบความสำเร็จเยอะกว่าคนที่ไม่รักการอ่าน หนังสือไทยบ้านเราเยอะครับ ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับเมืองนอก อ่านกันไปเถอะครับ จะอ่านในเว๊ปไซด์ (ชอบครับไม่เสียเงิน) ดาวน์โหลดบิต (ชอบครับไม่เสียเงิน) บทความแค่ยกตัวอย่างว่า การอ่านเป็นสิ่งดี สำหรับนักลงทุนที่ดีครับ (ไม่ได้ให้อ่าน Text book แบบผม หรือ บร้า Text book นะ ผมไม่มีร้านหนังสือไทยนี่ครับ ก็ต้องอ่านภาษาบ้านเขา ใจจริงก็อยากอ่านภาษาไทยอยู่ อ่านง่ายสบายหัว)  สนใจเรื่อง การลงทุน ก็ อ่านการลงทุน อ่านมาก เก่งมากครับ ฝึกฝนมาก เก่งมาก  สนใจอะไรเราก็จะเชี่ยวชาญด้านนั้น นั่นก็คือ การทำให้ชีวิตเราก้าวหน้าขึ้น โดยอย่างไม่รู้ตัวทีเดียว

Wednesday, January 19, 2011

ลงทุนเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Indicators) -EMAs, RSI, MACD, SSTO คุณจำเป็นต้องรู้บ้าง


ลงทุนเรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Indicators)-EMAs,RSI,SSTO,MACD  จะพยายามรวบรวม VDO ที่ดีดี ไว้บทความนี้ให้ครับ เรามีความจำเป็นต้องเรียนรู้ Indicators ต่างๆ ในการวิเคราะห์กราฟ เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อหุ้นราคาถูก และ จังหวะขายหุ้นให้ได้ราคาแพง จึงจะได้กำไรสูงสุดและมีประสิทธิภาพ (ของ ดี ดี ส่วนมากในโลกใบนี้ เป็นภาษาอังกฤษครับ ทนฟังกันหน่อย  มาเมืองนอกแรก ๆฟังไม่รู้เรื่องครับ ฟังไม่ทัน ต้องฟังบ่อย บ่อย อึด จะเคยชิน และจะฟังได้อย่างสบาย หู นะครับ)

กราฟหุ้นนอก สามารถดู Quote โดย Google Finance หรือ Yahoo Finance ที่เราต้องเข้าใจภาษากราฟและแปลออกมาหมายถึงอะไร เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อ ขายหุ้นในแบบนักเทคนิค



Indicators ที่ช่วยในการวิเคราะห์ตัดสินใจในการวิเคราะห์ทางเทคนิค มีหลายตัว ที่เจอกันโดยส่วนมากคือ  EMAs,RSI,MACD,SSTO เป็นต้น  ใช้ร่วมกันอย่างน้อย 3 ตัว จะทำให้การวิเคราะห์เราแม่นยำมากขึ้น ถ้าเราไม่เข้าใจ หรือ ไม่เรียนรู้ โอกาสในการตัดสินใจได้ดี จะน้อยลงและนำมาซึ่งการขาดทุนของการลงทุน ถ้าเราลงทุนเรียนรู้ได้ดี ก็สามารถทำให้การตัดสินใจได้ดีขึ้นซึ่งนำมาซึ่งกำไรของการลงทุนครับ

EMA Indicator
     


 



 
RSI Indicator








MACD Indicator


 












  
 

SSTO Indicator





ลงไว้พอประมาณครับ ความรู้มีอยู่ในโลกกว้าง เยอะแยะมาก ต้องรู้จักหาปลาทานเองได้ด้วย Youtube,Google ช่วยเราได้ครับ ผมไม่เข้าใจก็ ค้นคว้า หาข้อมูล โลกอินเตอร์เน็ตสามารถหาเกือบทุกอย่าง ผมนั่งอ่านหน้า คอมได้เป็นวัน วัน อ่านทั้งวันก็ยังไม่จบ เล่น Facebook ก็เล่น อ่าน ฺBlog  ดู VDO ดู Website ฝึกฝน ศึกษาเพิ่มทุกวันครับ อันไหน ไม่รู้ ยิ่งต้องอ่านครับ อย่าท้อ แพ้ไม่ได้ ทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการลงทุนครับ จึงได้มาเพื่อความสำเร็จของการลงทุน


พอเรามีความเข้าใจทฤษฎี อย่างดีแล้ว (ต้องเข้าใจที่มาของ Indicators ความหมายให้ชัดเจนด้วย) เราจะสามารถนำมาใช้ในทางปฎิบัติและประยุกต์ใช้ได้อย่างดี (ไม่จำเป็น ต้องใช้ทุกตัวนะครับ เรียนรู้แนวโน้มเพื่อช่วยในการตัดสินใจให้ดีขึ้น ไม่มีวิธีไหนถูกต้อง 100%) สุดท้ายเมื่อเราได้วิเคราะห์ด้วยข้อมูลอย่างครบถ้วนครบ 360 องศา เราจึงจะสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและมั่นใจ ไปตามประสบการณ์และการมั่นฝึกฝนครับ สะสมเพิ่มพูนทุกวัน (บางตัว จะพบว่าไม่จำเป็นต้องดูเลยก็ได้)  วันนี้ เราไม่รู้ เราไม่เก่ง ก็ไม่รู้ตลอดไป หรือ ไม่เก่งตลอดไป ของแบบนี้ อยู่ที่ความสนใจและความทุ่มเทในการศึกษา ศึกษาหุ้นใช้ทำงานได้ตลอดชีวิตนะครับ คุ้มมากทีเดียว

ลงทุนธุรกิจร้านอาหาร อร่อย (อร่อย...ของฝรั่งเขา) ในแคนาดาด้วยมุมมองแบบ VI กัน


ลงทุนธุรกิจร้านอาหาร  (อร่อย....ของฝรั่งเขา ) ในแคนาดาไว้ดีกว่าด้วยมุมมองแบบ VI บ้านนอกกัน

มาลงทุนทำร้านอาหารไทยในแคนาดา กับเขาด้วยคนเหมือนกัน ถือหุ้น 30%  ก็ไม่น้อย เกือบ 2 ปีอาหารไทยเราความอร่อยดังระดับโลก (โครงการครัวไทย สู่ครัวโลก ที่ลือชื่่อนั่นเอง) ฝรั่งเขารู้จัก ชื่อร้าน ก็มาจากไอเดียสมองผม รายได้ดีมากทีเดียว แต่ต้องหลุดมือไปเพราะคนร่วมทุน เงินเยอะแล้วเปลี่ยนไป  ไม่เป็นไร ซื้อหุ้นธุรกิจร้านอาหารอื่นไว้แทนก็ได้ ได้บันผลรายเดือน ท่าทางจะดีกว่าอีก หุ้นขึ้นก็ขายได้ ใหญ่กว่า หลายสาขากว่าเยอะ  (46 สาขา อิ.อิ หลายแบรนด์อีกต่างหาก)



ภาพรวมย้อนหลัง 5 ปี  จ่ายบันผลทุกเดือน แม้ว่า หุ้นจะตก..ถ้าเรามีความรู้เรื่องการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค เก็บของถูกได้สบายเลยนะครับ หรือ ซื้อของช่วงขาขึ้น ซื้อปั๊ป กำไร ปุ๊ปเลย


วิเคราะห์ค่าพื้นฐาน
เอามาใช้ชม วันที่ 20/1/2011 ยังจ่ายบันผลรายเดือน DV ~12.12% ต่อปี (พอ พอ กับ Advanc บ้านเราเลย) ไม่เลวนะครับ P/E = 5.6 <<10  (โอ้ ค่าต่ำได้ดีมากๆ) , ค่า P/BV = 1.177 <2 (ยังไม่ถือว่า ราคาแพงนะ) น่าสนใจทีเดียว นอกจากนั้น เราคงยังต้องเข้าไปดูส่วนบัญชี การเงิน (Financials) แถมไม่หนี้เป็นลาภ อันประเสริฐเลยครับ และ รายละเอียดของบริษัท ภาพลักษณ์ ในเว๊ปไซด์ด้วย ให้เห็นมุมมองภาพรวม ลักษณะอาหาร ร้าน หรือ จำนวนสาขา ซึ่งเข้าไปดูแล้ว ประทับใจ High-End หรือ Hi-so จริง จริง ตามรูปด้านบนเลยครับ มีสาขาทั่วแคนาดาเลยทีเดียว


วิเคราะห์ทางเทคนิค  หาจังหวะเข้าซื้อของราคาถูก



ช่วงที่เหมาะสมการเข้าซื้อ การวิเคราะห์ Indicators จะช่วยการตัดสินใจได้มากที่เดียว เช่น ระบบ EMAs สัญญานแนวโน้มขาขึ้น uptrend ควรจะได้ราคาเหมาะสมที่  $9.60 ประกอบกับ ระบบ MACD แนวโน้มตัดขึ้น โซนบวก มาถึงวันนี้ จาก $9.6 ถึง $11.37 จะได้กำไร 18% upside แถมได้บันผลมากกว่า 12% ต่อปีอีก ข้อดีของการอ่านกราฟเป็น เราก็ถือไปเรื่อยๆ ครับ ไม่มีสัญญานขาย หมดรอบเมื่อไหร่ ค่อยขายก็ได้แล้วมาเก็บของถูกใหม่ ตามการวิเคราะห์กราฟ

กรณี ถ้าจะเข้าซื้อวันนี้ สัญญาน MACD เริ่มแนวโน้มตัดลง แต่ยังโซนบวกครับ อาจมีการปรับตัวของราคา ประกอบกับ เข้าเขต Overbought ด้วย RSI>70 ระบบ EMAs ตัดกัน นั่นหมายความว่า จะเป็นสัญญานหมดรอบหรือสัญญานขาย เราสามารถ ใช้ กลยุทธ์ Wait and See ได้ เพื่อรอจังหวะ เก็บของถูกกว่าราคานี้ และยังทำให้เราได้ DV > 12.12% ไปอีกซึ่งเป็นข้อดี

ส่วนการวิเคราะห์โดยโปรแกรม Metastock ก็สามารถตรวจสอบจุดซื้อ ขายได้อีกที แต่ไม่สามารถโหลดข้อมูลย้อนหลังได้ ก็คงไม่ได้เอามาชม คงต้องวิเคราะห์โดยตัวเองกันไปก่อนครับ



บทสรุปวิเคราะห์

จะเห็นได้ว่า การวิเคราะห์ทางพื้นฐานที่เป็นเกราะ  การวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นอาวุธ ทำให้เราขายของได้ราคาแพง และ เก็บของได้ราคาถูกนะครับ การเรียนรู้ทั้งสองอย่างเป็น สิ่งจำเป็นที่เดียวตามการยกตัวอย่างที่เล่า ให้ฟังครับโดยมุมมองของผม ธุรกิจร้านอาหารมีกำไรเพิ่มขึ้นแน่นอน ปัจจัย 4 ของคนโดยทั่วไป แต่ต้องใช้ระยะเวลาสร้างแบรนด์และฐานลูกค้า ถ้าแบรนด์ติดตลาดแล้ว ก็แค่การขยายสาขาเท่านั้น เพื่อให้เกิดรายได้และผลประกอบการที่ดีขึ้น เราการเข้าซื้อกิจการเพื่อในมุมมองของการเติบโตของธุรกิจ หรือ การเป็นเจ้าของ เราสามารถรอได้ แถมไม่ต้องลงไปทำเอง จริงไหมครับ ตามมุมมองของนักลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Valued Investor) นั่นเอง

แม้จะสูญเสียร้านอาหารไทยที่สร้างกับมือ แต่ก็ไม่ได้กลับเมืองไทยมือเปล่านะครับ ได้ร้านอาหารเยอะกว่าเดิมอีก ครับ ขำ ขำ  ^-^

มาติดตามหุ้นความเคลื่อนไหวกันต่อ 13/2/2011  ราคาปรับขึ้นไปอีกแค่นี้ก็กำไร ได้ทั้ง กำไรเกน รวมบันผลรายเดือน 12% ต่อปี (หุ้นตัวนี้ ผมลงทุนก็ไปเยอะทีเดียว ซื้อ ขาย ไหลไปตามอ่านกราฟ) เห็นการวิเคราะห์ มุมมองแบบง่าย VI ของผมก็ทำกำไรได้แบบพอเพียงทีเดียว