North america

Global Trading Investment Knowledge in Stock Markets : USA (Dow Jones, Nasdaq), Canada (TSX), Thailand(SET)

Thursday, November 3, 2011

ศึกษาอดีตแบบ Back Tesing ธุรกิจช่วยวิเคราะห์การลงทุนแบบมีระบบ เพิ่มผลตอบแทนที่ดี ตอนที่ 1 แบบ Manual


"เอาอยู่"  อยู่บ้านพัก (ผ่อน) ชลบุรี แล้วครับ  โดนล้อมแล้ว (จากการดูแผนที่ดาวเทียม โดนน้องน้ำ ล้อมทุกด้าน) ท่วมแน่ ดูทีวี  เอาอยู่  จัดการได้...ได้ยินคุ้นหู บ่อยๆ ใน TV เป็นอย่างไรกัน ....ท่วม...ออกมาก่อนครับ จะได้ไม่เป็นภาระคนไปช่วย จากคำประกาศเตือน ทรัพย์สิน เอาสิ่งของขึ้นชั้นสอง ก็เสียหายน้อยลง ไม่เสียหายมากมาย (ก็ต้องมีเสียหายกันบ้าง ค่อยซ่อม หาใหม่เอา....ผู้ประกอบการ เสียหายหนักสุด)  ภัยพิบัติ ย่อมมีความสูญเสีย เราต้อง Stop loss ลดความเสี่ยงออกมาก่อน เหมือน การลงทุนในหุ้น ต้องมีจุด Stop loss ...รักษาเงินทุน ไว้ เพื่อลงทุน แก้ไขใหม่ เอาคืนได้ มีความรู้  เคยดูสามก๊ก  อย่าให้ใครมาล้อมเรา โอกาสแพ้ เสียหายสูงกว่าครับ ตีวงล้อมให้ออกมาได้ มันยากยิ่งนัก  หลายคน ไม่ยอมออกจากพื้นที่เสี่ยง ไม่ว่าด้วยเหตุใด คุณนี่แหละ จะเสี่ยงกว่า ไม่ออก ต้องให้คนอื่นไปช่วย  เตรียมพร้อมช่วยตัวเองดีที่สุด ไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากตัวเราเอง ดีที่สุด "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" โดยยังสามารถออกมาช่วยคนอื่นได้ด้วย

ช่วงน้ำท่วม พอดี เริ่มเรียนหนังสือ ระยะสั้น ด้านการบริหารธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประมาณ 3 เดือน ต้องขับรถ ไปกลับ 240 กิโลเมตร 3 ชั่วโมง ต่อวัน  เพื่อลดความไม่รู้ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย ความรู้ต่างหากที่น่าสนใจ เพราะ ส่วนตัวไม่ค่อยมีความรู้ด้านอย่างลึกซึ้งในการวิเคราะห์การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ REIT นี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อย่างน้อยก็มีแนวทางในการเลือกลงทุนหุ้นอสังหาริมทรัพย์ทีดีบ้าง ว่าจะลงทุนขาขึ้น หรือ ขาลงอย่างไร ตามแนวโน้มและผลกระทบ เช่น SPALI, PS, LPN, SC, NOBLE เป็นต้น จะลอง Back testing ข้อมูลแบบมีระบบให้ดู ว่า จะลงทุนอย่างไรให้ผลตอบแทนที่ดีกัน


การ Back Testing สามารถทำได้อย่างไร  มาดูกัน มี 2 แบบ คือ Back Testing ด้วยตัวเอง และ Back Testing ด้วยโปรแกรมอัตโนมัติ
1. Back Testing ด้วยตัวเอง (Manual) คือ การย้อนอดีตไปดูแนวโน้มแล้วสมมุติว่า  วันนั้น ถ้าเรามีข้อมูลที่ได้มาจากกราฟเทคนิค รวมทั้ง Indicators เราจะทำอย่างไร ซื้อ ขาย หรือ ถือต่อ  ระบบที่เราใช้ Indicators มาใช้เหมาะสมแล้วหรือไม่ อย่างไร ถ้าเหมาะสม การลงทุนจะต้องได้ผลตอบแทนที่ดี  ตามตัวอย่าง

หุ้นไทย  PS- VI position


ย้อนรอยอดีต จากกราฟทางเทคนิค หุ้น PS เป็นหุ้นที่เป็นรอบ Cycle Stock มีผลกระทบตามเปลี่ยนแปลงตาม GDP และ อัตราของดอกเบี้ย ดังนั้นการลงทุนในแต่ละช่วงเวลา ต้องวิเคราะห์ทางพื้นฐานได้เบื้องต้น และ วิเคราะห์ทางเทคนิคประกอบได้ด้วย ซึ่งสามารถลงทุนได้ขาขึ้นและขาลง (Long-Short position) ตามความสามารถในการลงทุน
การ Back Testing ด้วย Manual คือ การลองสมมุติดูว่า ณ วันนั้น ในการเข้าซื้อหุ้น มีสัญญาน Indicators อะไรประกอบบ้าง โดยปิดเหตุการณ์หลังวันนั้นที่ทดสอบ ว่า จะใช้เงื่อนไขไหนในการตัดสินใจเข้าลงทุน จะยกตัวอย่าง โดยใช้เส้นค่าเฉลี่ย Moving average  2 เส้น ตัดกัน

Long position   




จากกราฟทางเทคนิค ลงทุนซื้อหุ้นเมื่อเกิด Golden cross เส้นค่าเฉลี่ยตัดกัน และ ขายที่ Dead cross เส้นค่าเฉลี่ยตัดกัน วันที่ 26 ตุลาคม 2010 จะทำกำไรได้ 45.63% ภายใน 5 เดือน

Short position



จากกราฟทางเทคนิค ลงทุนขายเมื่อเกิด Dead cross เส้นค่าเฉลี่ยตัดกัน และซื้อคืนที่ Golden cross เส้นค่าเฉลี่ยตัดกัน วันที่ 21 มีนาคม 2011 จะทำกำไรได้ 26.63% ภายใน 5 เดือน ไม่แย่นักใช่ไหมครับ (ต้องดู Indicators อื่นประกอบ , Trend line , Pattern ประกอบด้วย)   "หุ้นเป็นรอบ วิธีที่จะทำกำไรคือ เล่นรอบ ถึงจะมีผลตอบแทนที่ดี" ไม่ใช่ซื้อแล้วไม่รู้จักขาย  ลงทุนหุ้นตัวเดียว เล่นได้ขาขึ้นและลง ก็ พอร์ตโตพอเพียงได้เลยครับ 

หุ้นต่างประเทศ  -VI position    BTB Real estate บันผลรายเดือน  ปันผล > 9% ต่อปี

ย้อนข้อมูลอดีต ที่วิเคราะห์ข้อมูลทางพื้นฐานเบื้องต้นก่อน โดยหลักเดียวกับการวิเคราะห์การด้านธุรกิจ เช่น SWOT Analysis , 4P เป็นต้น สำหรับธุรกิจหุ้นอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ ( mid-market office, industrial and retail properties) หลัง Crisis 2008 


ทดสอบโดยใช้ Trend Line Breaks out  ในการหาจังหวะเข้าลงทุน โดยสมมุติ ลงทุนกลางปี 2009 ที่ราคา $0.5  ด้วยเหตุผล คือ Trend line breaks out  รับบันผล Dividend รายเดือน และ หวังผลต่างกำไรเกนขาขึ้น


ราคาปัจจุบัน คือ $0.88  ผลตอบแทนที่ได้ 76% ต่อ 2.5 ปี  พร้อมบันผล 22.5% (9% ต่อปี) รวมกันก็ 98.5% ต่อ 2.5 ปี สามารถถือไปได้ โดยยังไม่หลุด Trend Line แบบ Uptrend Channel


บทสรุป     การศึกษาอดีต พฤติกรรมของหุ้น จะทราบได้ว่า เป็นธุรกิจ แนวโน้มแบบไหน ทำไมราคาได้เคลื่อนตัวแบบ นั้นและทำไม  การทดสอบแบบง่าย ด้วยตัวเอง ว่า เมื่อย้อนเวลากลับไปนั้น จะใช้เหตุผลไหน ในการเข้าลงทุน ลงทุนแบบไหน จุดประสงค์คืออะไร Indicators ที่เลือกใช้เหมาะสมแล้วหรือยัง (ไม่ได้ใช้เพียงตัวเดียวนะ ควรใช้หลายตัวประกอบ เพื่อได้หลายมุมมอง Indicators แต่ละตัวบ่งบอกความหมายที่ไม่เหมือนกัน อะไรดีกว่า อันไหน เราต้องเข้าใจให้ดีด้วย)  เหตุผล โดยปกติ จะเป็นปัจจัยพื้นฐานประกอบกับสัญญานทางเทคนิค ซึ่งมีการใช้ Indicators มีหลายตัว หลายแนวทางในการตัดสินใจ ทำให้การบริหารการลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น โดยเฉพาะ ลดความเสี่ยงลง  "ซื้อช้าไม่เป็นไร แต่ซื้อแล้วขอให้ขึ้น"    การศึกษาอดีตแล้วนำมาเป็น ข้อควรระวังในการลง เนื่องจาก ราคาหุ้นนั้นเคลื่อนไหวเป็นรอบ  ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย
นั่นคือ เหตุผลที่เราต้องศึกษาในการลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยลดความเสี่ยง การที่เรียนรู้ ทดสอบระบบด้วยตัวเองได้ แบบ ง่าย ง่าย และ มีระบบการลงทุนที่ช่วยตัดสินใจได้ดี จะมีผลตอบแทนในการลงทุนที่ดี " Put the right stock in the right price at the right time" บทความต่อไป จะเป็น การ Back Testing ด้วยระบบอัตโนมัติ โดยใช้ Metastock เอาไว้เล่าให้ฟังกัน

No comments:

Post a Comment