วันว่างที่ผ่านมาได้ สอน Mao Platinum Class ให้น้องคนหนึ่งครับ ลำดับที่ 24 บินตรงจากภูเก็ต มาเรียน อยากเรียน อยากศึกษาการลงทุน (ทุ่มทุนขนาดนี้ ไม่สอนให้ ไม่ได้แล้ว) ถามน้องว่า เล่นมากำไร หรือ ขาดทุน เป็นอย่างไร เล่าให้ฟังหน่อย น้องบอกว่า เล่นมายังไม่ขาดทุนเลย (ในใจ คิดว่า แล้วมาให้เราสอน ทำไมหว่า) แต่มาถึงบางอ้อ น้องบอกว่า ก็ยังไม่ได้ขาย ก็ยังไม่ขาดทุน (ในใจคิดว่า เจอเด็กดอยเข้าแล้ว ตรู....เออ ก็จริงอยู่นะ) แล้ว ก็ถามว่า มีจุด Stop loss บ้างไหม น้องตอบว่า มี Stop loss แต่ Stop ไม่ทันแล้ว มันเลยมาไกลแล้ว สรุปว่า เงินทุนจมดิ่งอยู่ในหุ้นนั้นเอง เชื่อโบรค เก็บของไม่ดูกราฟ ขาลงแล้ว ก็ไม่ขาย ไม่ดูกราฟเทคนิค เหมือนเคย ...สอนจบ หวังว่า น้องคงได้แนวทางการเล่นเป็นระบบ เข้า ออกตามระบบ หาทางลงบนฟูก เบา เบา จะปลื้มใจมากครับ
วันว่าง อีกวัน ได้สอน Stop working class ลำดับที่ 25-28 ให้น้อง พี่ สายวิดวะ 3 คน จากมหาลัยอันดับ 1 ของเมืองไทย เรียนรู้เร็วมากครับ หัวดี มีพื้นฐาน การลงทุน ต้องการเรียนรู้ เทคนิคการลงทุนเพิ่ม เลยมาเรียน หนึ่งในนั้น มีคนเล่น TFEX ขาดทุน 5 แสนบาท ทีเดียว เล่นแบบไม่รู้เทคนิคคอลประกอบ ทำเสียหายหนักทีเดียว กับ พี่เจ้าของธุรกิจสิ่งทอ นักลงทุน VI อยากลงทุนในกิจการอื่นเพิ่ม แต่ที่เริ่มรู้สึกว่า แนว VI อย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบซะแล้ว เงินจมไปเยอะ รับแต่บันผล คงจะได้ ไม่คุ้มเงินต้นที่หายไปเลย ตัดสินใจมาเรียน เหตุผล พี่เขา ก็คือ ต้องการเรียนรู้ทางเทคนิคคอล บ้าง ไม่มีเวลาไปเรียนคอร์สอื่น เสียเวลา หลายวัน ต้องการเรียนรู้แบบคนน้อย ฝึกปฏิบัติ ได้ลองใช้โปรแกรมวิเคราะห์ Case studies กัน จริง จริง (โปรแกรม ของฟรี ก็เทรด ทำกำไรได้ ไม่ต้องเสียตางค์ )
คำถาม หลายคน ถามว่า เรียนวันเดียว จะจบหรือ เรื่องการลงทุนมันไม่ได้เป็นเรื่องยาก แนวทางผมยึดหลักเข้าใจ Simple is the best ถ้าเข้าใจ มันจะง่ายครับ (ที่จริง มันเป็นเพียง วิชาหนึ่งและก็ไม่ได้ยากเมื่อเทียบกับวิชาที่ผมเรียนต่อต่างประเทศเสียอีก ที่เรียนมา ยาก อย่างลึก ไม่รู้ว่า จะหาไปใช้แบบตรงๆที่ไหน....เรียนมา 100% ใช้ 1% ประมาณนั้น....อืม เรียนไปทำไม ...แต่ตอบได้ ว่า มันได้ฝึกให้เราค้นคว้าเองได้ เจอของยาก มากกว่า มาเจออะไรที่ง่ายกว่า มันเรียนรู้ได้เร็วกว่าไงล่ะครับ )
เนื้อหาที่สอนสรุปแนวทางมาให้ วันเดียวก็จบแบบ 10 ชั่วโมง นี่แหละ แต่ต้องไปทำการบ้านเพิ่มหลังห้องเรียน ฝึกจิตใจตัวเอง ฝึกอ่านอารมณ์ตลาด อะไรที่มันยากเกิน ใช้อะไรที่มันง่ายๆ เรียนแบบเข้าใจ อันไหน ไม่จำเป็น ไม่ต้องใช้ กรองมาให้แล้ว พอเข้าใจ ทุก ทฤษฎี จะซ้อนทับจะสอดคล้องเป็นแนวทางเดียวกันในทางหาจุดซื้อ-จุดขาย จุดใกล้ ๆ กัน ไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องรู้ลึก เทรดมีระบบได้กำไร เหมือนกัน คงไม่ต่างกันมาก แต่ ที่ แน่ แน่ ลดระยะเวลาเดินทาง ไม่มั่วเอง ไม่ขาดทุนยับยู่ยี่ ก่อนจะลงทุนได้กำไรกัน จำไว้ว่า "ไม่มีใครสอนให้เก่งขึ้น 100% ได้วันเดียว ต้องเรียนรู้เพิ่มเติมเองด้วยตามแนวทางที่บอกให้ จะประหยัดเวลา ต่อให้สอน หลายวัน ไม่อ่านทวน ฝึกฝน ปิดจุดอ่อน ไม่ฝึกจิตใจตัวเอง ศึกษาเพิ่มเองได้ ก็ไม่ไป ถึงดวงดาว" แต่ หากมาเรียนเพื่อ เรียนรู้ว่า เล่นระบบ เป็นอย่างไร จะทำกำไรได้อย่างไร ป้องกันการขาดทุนอย่างไร ศึกษาอะไรบ้าง ระวังอะไร ลดความสูญเสียเงินลงทุนจริง
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า หลายคน เล่นเกมส์ สนุก สนุกกันใน Iphone หรือ Facebook กันบ้าง ก็หลายเกมส์ แต่ ลงทุนเงินจริง ไม่ลองเล่นเกมส์ ฝึกฝนตัวเองก่อนลงสนามจริงครับ ทำให้เสียหาย ขาดทุน เนื่องจากไม่ได้ฝึกซ้อม ก่อน โดยเฉพาะ มือใหม่ อยากรวยเร็ว แต่ ไม่ยอมทำการบ้าน The Art of Paper Trading ใน Text book ของฝรั่ง จะเขียนไว้เลยนะครับ
" Paper trading is the art of trading a security without using real money.
The intent is to help the aspiring trader establish good fundamentals
and identify areas for improvement in a low-stress environment prior to
tackling the challenges of trading for real money. While paper trading
can mean just jotting down stocks or bonds that a trader would've bought
and sold in a notebook, advances in technology have made demo or
simulated trading available via the Internet and it is reasonable to
consider demo, paper and simulated trading all the same thing. "
ใจความคร่าวๆ การเทรดแบบกระดาษ คือ ศิลปะของการเทรดหุ้น ที่ไม่ได้ใช้เงินลงทุนจริง ความมุ่งหมาย คือ เพื่อช่วยให้ นักลงทุนสร้างพื้นฐานที่ดี และ ระบุขอบข่าย สำหรับ การปรับปรุงพัฒนาในสภาวะที่มีความเครียดที่ต่ำ ก่อนจะไปท้าทายเทรดหุ้นของจริง การเทรดหุ้น นักลงทุน สามารถซื้อ ขาย ใน โน๊ตบุ๊ค สักตัว โดย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี มีการการเทรดผ่าน Demo หรือ การเทรดจำลอง ผ่าน Internet พิจารณาเทรด Demo , กระดาษ หรือ การเทรดจำลอง ก็จะเหมือนกัน
นักบอล นักกอล์ฟ นักบิน ทุกสายอาชีพ จะต้องฝึกฝนสนามซ้อม ก่อนสนามจริง จำได้ว่า เวลาสอบ ผมจะทำข้อสอบก่อนเยอะมาก เท่าที่หาได้ แต่ถ้าเรียนเข้าใจ ทำได้ ออกมาแนวไหน จะประยุกต์เกือบได้หมด การลงทุนก็เหมือนกัน ต้องฝึกกันเยอะหน่อย แล้ว ต้องอุดรอยโหว่ ให้ขาด อย่าให้เกิดซ้ำสอง ในหลักสายวิศวกรรม เขาเรียกว่า "การป้องกันการเกิดปัญหาซ้ำสอง" ครั้งแรกผิดได้ แต่ ครั้งที่สอง ห้ามเกิดซ้ำ เคยเป็นวิศวกรซ่อมบำรุงงานระบบมาก่อนครับ เวลาซ่อมเครื่องจักร ต้องหาสาเหตุที่แท้จริง แล้วต้องแก้ไขให้หายขาด ห้ามเกิดปัญหา ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ถ้าเกิดอีก จะโดนเล่นงานจากลูกพี่ หรือ คนระดับสูงกว่า ยำ ยำ ระบบการผลิต เพื่อนพนักงาน เดือดร้อน หรือ อาชีพหมอ ต้องวิเคราะห์หาสาเหตุของโรคคนป่วย เพื่อซ่อมคนให้หายขาดจากโรค จะเห็นว่า ไม่ว่า หมอ หรือ วิศวะ จะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ การคิดที่เป็นระบบ มีการวิเคราะห์แบบมีเหตุมีผล แต่ ต่างกัน หมอซ่อมคนมีชีวิต วิดวะซ่อมเครื่องจักร ไม่มีชีวิต จึงไม่แปลกใจนะครับ ว่า 2 อาชีพนี้เป็น อาชีพที่ลงทุนได้ดี ตาม Blog หรือ เซียนหุ้นต่างๆ หลายคนมาก ดังนั้น ฝึกหาสัญญานเข้า ออกให้ชัดเจน อ่านเทรนขาขึ้น ขาลงให้ออก ฝึกซ้อมบ่อยๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญ เพื่อให้แม่นขึ้น ถูกต้องขึ้น มั่นใจมากขึ้น ( ปัญหา คือ ว่า อ่านไม่ออกนะสิครับ ปัญหา ขำ ขำ)
ที่ฝึกฝนมีหลายที่ตามตัวอย่าง
พอร์ตจำลองหุ้นต่างประเทศ
พอร์ตจำลองหุ้นไทย
มีความคิดเห็นอย่างไรกับการเทรดออปชั่นในตลาดอเมริกาบ้างครับ
ReplyDeleteสนใจเรียนมากครับ พีรวัฒน์ 0886264499
ReplyDelete