North america

Global Trading Investment Knowledge in Stock Markets : USA (Dow Jones, Nasdaq), Canada (TSX), Thailand(SET)

Monday, September 26, 2011

เทคนิคระบบเตือนภัยด้วย Trend line เพียงเส้นเดียว ลดความสูญเสียคุณ ได้อย่างดี




  ช่วงนี้หลายคนบาดเจ็บกัน เลือดสาด นะครับ มีกำไีร กำไรหด ขาดทุน ขาดทุนเพิ่ม มาดูกันเป็นเพราะอะไร  เรียนรู้ Technical analysis มาช่วย "บริหารความเสี่ยงการลงทุน" ได้อย่างไร วันนี้ มีคำตอบ รู้งี้ รู้งี้ ....ขายก่อนดีกว่า กำไรคงไม่เหลือเท่านี้ ....ไม่เป็นไรครับ คติที่ถูกต้อง  "การรักษาต้นทุนให้คงอยู่มากกว่า การทำกำไร มีกำไรอย่ากลับมาขาดทุน"


ระบบเตือนภัยที่ดี เป็นอย่างไร  Technical analysis ประเภท Trend Line ช่วยเตือนเราได้อย่างไร จะเตือนเราได้หรือไม่ อย่างไร มาดูกัน

Trend Line มี Uptrend Line ที่ขีดเพียงเส้นเดียว นี่แหละ Classic ช่วยให้เราระวังได้ ร่วมกับการศึกษาในอดีตที่ผ่านมา ( History repeats itself)   ตีไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยครับ เพียงลากเส้นจุด Low อย่างน้อย 2 จุด ส่วนที่ทะลุแนว Trend Line เป็นจุดสำคัญที่เราต้องค่อย ค่อยจากกันเบา เบา นะ

การลงทุนในต่างประเทศ ช่วยอะไรได้ครับ เตือนอะไรเราได้ มาดูกัน ว่า ภาพรวมของตลาดโลกเป็นอย่างไร  หลายคนดูความเคลื่อนไหวตลาดทุก ตลาดทุกวัน เป็น บวก เป็น ลบ รู้หมดครับ (ดู Iphone ทุกวัน ....ผมดูอยู่ก็รู้ มาบอกทำไม)  จะบอกให้ว่า คุณดูทุกวัน แต่ คุณไม่ได้เห็น Trend ที่ภาษาไทย เรีบกว่า "แนวโน้ม" คำว่า แนวโน้ม เขาใช้ข้อมูลหลายจุด มาใช้วิเคราะห์ เพื่อให้ การวิเคราะห์มีความถูกต้อง มีสามารถคาดเดาอนาคตได้บ้าง ถึงจะไม่แม่น แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังตัวในการลงทุนครับ


มาดูตลาดโลกทั่วโลกกัน

ตลาดหุ้น US:DOW



ตลาดหุ้นอเมริกา ทะลุ Uptrend Line เรียบร้อย เตือนแล้วว่า การลงทุนต้อง เริ่ม ถอยบ้าง แต่ยังไม่พ้น Support Line -61.8% Fibonacci ยังมีความหวังเป็นแนวโน้มขาขึ้น

ตลาดหุ้นเยอรมัน :DAX


ตลาดหุ้นเยอรมัน ทะลุ Uptrend Line เรียบร้อย พ้น Support Line -61.8% Fibonacci ยืนยันแนวโน้มขาลงชัดเจน

ตลาดหุ้นเอเชีย : Hong Kong


ตลาดหุ้นฮ่องกง ทะลุ Uptrend Line เรียบร้อย พ้น Support Line -61.8% Fibonacci ยืนยันแนวโน้มขาลงชัดเจน 

ตลาดหุ้นไทย : SET

ภาพใหญ่ ระดับเดือน (Monthly)


ตลาดหุ้นไทย ทะลุ Uptrend Line เรียบร้อย เตือนแล้วว่า การลงทุนต้อง เริ่ม ถอยบ้าง แต่ยังไม่พ้น Support Line -61.8% Fibonacci ยังมีความหวังเป็นจะแนวโน้มขาขึ้น (หวังเล็ก ๆ)

ภาพกลาง ระดับสัปดาห์ (Weekly)


ตลาดหุ้นไทย ทะลุ Uptrend Line เรียบร้อย เตือนแล้วว่า การลงทุนต้อง เริ่ม ถอยบ้าง หรือ เริ่มล้างพอร์ตการลงทุน แต่ยังไม่พ้น Support Line -61.8% Fibonacci (854 จุด)  ยังมีความหวังเป็นจะแนวโน้มขาขึ้น ค่อยกลับมาลงทุนสั้น สั้น พอได้อยู่ เด้ง เด้ง เด้ง

นักลงทุนหลายคนที่เรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิคคอล เขาลดพอร์ตกันตั้งแต่ 1,012-1,040 จุดนานแล้วครับ แต่ เขาอาจจะไม่ได้บอกกัน ถ้าทะลุ 1012 ลงต้องขายหุ้น ป้องกันกำไรให้มากที่สุด หรือ ลดการขาดทุนให้มากที่สุด  ไม่ใช่เกาะหุ้น ไม่ปล่อย  ที่ไม่รู้ ไม่ขาย เพราะ ยังเล่นหุ้นเหมือนคนตาบอด คิดไปเองว่า ของเราดี ไงก็ไม่ตกหรอก ใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ ไม่ได้ใช้เครื่องมือช่วยในการตัดสินใจแบบมีเหตุ มีผลกัน
ผลก็เลยออกมาเป็นแบบนี้ อย่างที่เห็น  ......รู้งี้ รู้งี้ .....แล้วทำไมเพิ่งมาเขียนบอก ผมบอก ผมโพสต์ อย่างบ่ิอยที่ Fanpage ผมเอง (http://www.facebook.com/pages/Kittinu-Stock-Investment-in-North-America-USCanada/185911524756511)ไม่มีใครค่อยสนใจ เห็นว่า เป็น ฺBlog ลงทุนต่างประเทศ ปิดตา ปิดใจกัน ก็บอกว่า Global markets รวมหุ้นไทยด้วยนะครับ ระบบการเงินของโลก การไหลของเงิน เกี่ยวสัมพันธ์กันทั้งโลก  ผมก็แอบลงทุนอยู่ เทรนยังดี สามารถให้ผลตอบแทนที่ดี   นั่งดูดาว (DOW) ดึกๆ ให้แทบ บ้าง บางวัน.....คนลงทุนแบบ Technical VI เขาลดพอร์ตป้องกันกำไรกันนานแล้ว เตรียมเล่น TFEX Short กันหมดแล้วครับ  ทะลุ 1,012 แทบจะไม่มีหุ้นติดพอร์ตกัน ผมเองก็เกือบหมดแทบไม่เหลือ เหลือแค่ตัวน่ารักๆ คิกคุ ไว้ประดับพอร์ต เดียวพอร์ตร้าง เขาไม่ให้เทรดเวลาเทรนมาใหม่ครับ

มาดู นักลงทุนทางเทคนิค Short TFEX ป้องกันความเสี่ยงกันจากการเรียนรู้ Technical analysis กัน


เห็นไหมครับ ว่า เขามีกำไรกัน แปดหมื่นอย่างต่ำ ต่อสัญญา เพียงไม่กี่วัน เพียงแต่เฝ้ารอติดตาม ใช้ Technical analysis ในการป้องกันความเสี่ยงชดเชยการลงทุน ในการบริหารความเสี่ยงที่ดีครับ

บทสรุป การตี Trend line เพียงเส้นเดียว ใช้เตือนเราในภาพใหญ่ ลงมาภาพเล็ก เตือนระมัดระวังในการลงทุนอย่างดี ในการบริหารความเสี่ยง ...ไม่ใช่ปลอบใจตัวเอง ถือเอาบันผลไปแล้วกัน หรือ ดีกว่า ฝากธนาคาร แต่เงินต้นหายไปชั่วคราว (พอร์ตมากกว่า 10ล้าน โอเคครับ VI แท้ยาวไป รับบันผล 1 ล้าน ที่ 10% ต่อปีเดือนละ 8 หมื่นกว่า พอเพียง แต่ บริหารดีดี จะทุนไม่ลด พอร์ตกระเป๋าจะโต แถมได้บันผล)....ศึกษาประวัติศาสตร์ว่า เขาร่ำรวยกันลงทุนช่วงไหน จะล่ำซำ ศึกษาอดีต ไม่ต้องรู้กราฟเทคนิคก็ล่ำซำได้  ถ้ามีเงินสดจะใช้ซื้อใหม่ตอนเอาบันผลก็ได้ แถมได้กำไร Upside ด้วย ถ้าเราอ่านเทรนเป็น  แต่ถ้าไม่ทันแล้ว ก็ทำใจให้สบาย นึกว่า ฝากธนาคารเอาบันผลไปแล้วกันครับ เพราะเราพลาดจากความไม่รู้ ไม่ยอมศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิคมาใช้ในการบริหารการลงทุนร่วมกับการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน แบบลดความเสี่ยง  "อย่าไปโทษใคร ให้โทษตัวเราเอง".....มีเงินอยู่ในกระเป๋าเรา จะซื้อของถูกเมื่อไหร่ก็ได้ ....เอาตอนบันผลบวก Upside ด้วยก็ได้นะครับ ปลอดภัย ไม่เสียเวลารอคอย ....พลาดไปแล้ว ยอมรับ ทำใจให้สบาย กลับมาศึกษา เรียนรู้ ปิดจุดอ่อนของเราดีกว่า รอจังหวะ การลงทุนรอบใหม่กันดีกว่้าครับ จะเอาคืนได้หมดครับ ที่เสียไป ...ลงทุนอย่างมีระบบ สามารถนำผลตอบแทนที่ดีในการลงทุนได้ครับ

Monday, September 19, 2011

เทคนิคการลงทุนตาม Time Frame ตาม Life Styles แบบ สบาย สบาย

    วันนี้ ไม่มีบ่นครับ แต่เบื่อ เทรดหุ้นอยู่บ้าน แบบ Full time trader คงไม่ใช่คำตอบ ซะแล้วนะครับ โชคดีที่มีสอนหนังสือลงทุนหุ้นบ้าง ช่วงวันว่าง เสาร์-อาทิตย์  ก็ดีขึ้นบ้าง ได้รู้จักคนเพิ่ม หลากหลายอาชีพ มีสังคม ไม่งั้น ชีวิตนี้ คงไม่มีสังคมเอาซะ จริง จริง  หลายคน อยากกันเหลือเกินครับ อยากจะมาเป็น Full-time trader กันเหลือเกิน  เบื่อชีวิตลูกจ้าง  ไม่ต้องทำงาน นั่งเล่นหุ้นอยู่บ้าน อยากมีอิสระในชีวิต ไม่ต้องโดนเขาว่า ....บอกได้เลย มาเมื่อ ถึงจุดหนึ่ง Full time trader ไม่ใช่คำตอบหรอก เสียสมองครับ สมองคุณไม่ได้ใช้ เต็มประสิทธิภาพ ถ้าเราลงทุนเป็นระบบ ผลตอบแทนการลงทุนน่าจะออกมาดี  ในความเห็นผม น่าจะช่วงในวัยพักผ่อนเลยมากกว่า (เล่นกับน้องหมาสักตัวสองตัว) ไม่น่าจะใช่ช่วง วัยทำงาน  เรียนมาตั้งเยอะ มานั่งเทรดอยู่บ้าน ชีวิตช่างไร้คุณค่า เรียกว่า "ช่วงไร้คุณค่า" ไม่มีประโยชน์ในชีวิตกันเสียเลย
    เลยลอง Search ว่า จะไปเป็น อาจารย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ กับเขาบ้าง ( ในใจคิด จบโทเมืองนอก  เกรด 3.9 กว่า ป.ตรี เกียรตินิยม ก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไร คงจะมีสักที่รับไปให้สอนบ้าง) พอเจอข้อมูลต้องร้อง  ค่าจ้างอาจารย์นั้น บ้านเราทำไมถูกเช่นนี้ อัตราค่าจ้างอาจารย์ คณะวิศวกรรมศาตร์ วุฒิ ป.โท 13,400 บาท ป.เอก 18,270 บาท (คิดในใจ แล้วอย่างนี้ คนที่จะเป็น อาจารย์ พอกินพออยู่กันหรือ เด็กจบใหม่ได้ 15,000 บาท  ..แล้วใครจะมาเป็น อาจารย์ สมองไหล ลาออกกันหมด สิครับ ต้องขอนับถือ อาจารย์ปัจจุบันที่สอนอยู่มาก มีรักในอาชีพจริง จริง)  มาดูอัตราค่าจ้าง อาจารย์ในแคนาดากัน ในประเทศที่พัฒนาแล้ว



ระดับเกือบแสนเหรียญ ไม่ผิดนะครับ สอง-สามล้านบาท ต่อปี เราเอง ขำ ขำ แต่บ้านเราสอนทั้งปี ได้หลักแสนบาท เอง โครงสร้างแบบนี้ คนเก่งไปไหน ไม่ต้องบอก นักเรียนทุน ยังเห็น อยู่ในแคนาดาก็มีครับ ยอมใช้ทุนรัฐบาล สรุปว่า เป็น อาจารย์ เถื่อน สอนการลงทุนแบบ Technical VI วันว่างดีกว่า ไปพลาง พลางก่อน (ปีหน้ามี Project เฟส 2 ในแคนาดา) สอนให้ลงทุนเป็นอย่างมีระบบ ได้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี สามารถทำได้ ไม่ได้สอนให้เป็นลูกจ้าง เพียงอย่างเดียว ก็น่าจะมีประโยชน์ดีซะกว่า ....หมื่นกว่า กดปุ่ม ไม่กี่วัน ก็ได้แล้วครับ ความสามารถเล่นได้ทั้งขาขึ้น ขาลง เรียนรู้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและมีระบบที่ดี  เน้น ที่ดี เพราะ การ Set Indicators ไม่เหมือนกัน ในการลงทุนแต่ละประเภท เช่น Common stocks กับ Futures


วันนี้ จะแนะนำการใช้ Technical analysis ที่ใช้ Time Frame ในการลงทุนให้เหมาะสมกับ Life styles การทำงานของเรา  ลงทุนให้ผลตอบแทนที่ดีทำได้ครับ ไม่จำเป็นต้องมาเป็น Full time trader การวิเคราะห์ทางเทคนิคเหมือนกัน  เพียงแตกต่างกันในการดู Time frame เท่านั้นครับ จะลงทุนอย่างไรให้มีความสุขเหมาะกับ Life styles ของเรากันดีกว่า

Life styles เป็นอย่างไร คือ วิถีชีวิตที่เราดำเนินชีวิตในปัจจุบัน สนใจที่จะทำ อาจจะทำงานประจำ ทำธุรกิจส่วนตัวไป ทำในสิ่งที่เรารัก อาชีพที่เรารัก เราสนใจ แต่เราสามารถลงทุนให้เงินทำงานไปด้วย ในเวลาเดียวกัน

Time Frame ของการวิเคราะห์ทางเทคนิค สามารถแบ่งประเภท นักลงทุน  หมายถึง การอ่านกราฟทางเทคนิคไม่ได้แตกต่าง พื้นฐานการแปลความหมายทาง Indicators เหมือนกัน แต่ ต่างกันเพียง ช่วงเวลาในการวิเคราะห์ ในแต่ละ Time Frame

ประเภทนักลงทุนตาม Time Frame (ข้อมูลจาก Textbook)

  • Day trader - uses minute-interval charts
  • Position trader - uses minute-interval chart ,daily, weekly
  • Investor - uses weekly, monthly, yearly 

Styles ของนักลงทุน แบ่งตามการดู Time frame ได้ดังนี้

มาดูตัวอย่างกัน

หุ้นต่างประเทศ - SRV.UN- Monthly Dividend

Positioning    วัตถุประสงค์ คือ บันผลและกำไรผลต่างของราคา

VI Long term - Weekly


จะได้บันผล 18 เดือน รวมกำไรเกน Buy = $6.49   Sell = $10.61   กำไรเกน = 63.48%  ดูสัปดาห์ละครั้ง ขายหมดเทรนขาขึ้น ตาม Positioning ที่เราตั้งไว้ในการขาย ด้วยระบบ EMA -Trend following

Position trader  Short - Medium term -Daily

                  
จะได้บันผล 4 เดือน รวมกำไรเกน Buy = $9.39   Sell = $11.97   กำไรเกน = 27.47%  ดูวันละครั้ง ขายหมดเทรนขาขึ้น ตาม Positioning ที่เราตั้งไว้ในการขายด้วย  ระบบ EMA -Trend following

หุ้นไทย - ADVANC -พื้นฐานดี บันผลดี มี Story

Positioning   วัตถุประสงค์ คือ ทำกำไรผลต่างของราคา

VI Long term - Weekly


จะได้บันผล 1-2 ครั้ง 9  เดือน รวมกำไรเกน Buy = $83.59   Sell = $126.5   กำไรเกน = 50.79%  ดูสัปดาห์ละครั้ง ขายหมดเทรนขาขึ้น ตาม Positioning ที่เราตั้งไว้ในการขายด้วยระบบ EMA จาก Positioning ตามระบบ ก็ยังไม่ต้องขาย Let profit run

Position trader  Short-Medium term -Daily 


จะได้บันผล 3  เดือน รวมกำไรเกน Profit 1 = 12.9% ( Buy = 114.54   Sell = 101.38 ) Profit 2 = 10.92% ( Buy = 114.00   Sell = 126.50 )
ดูวันละครั้ง ขายหมดเทรนขาขึ้น ตาม Positioning ที่เราตั้งไว้ในการขายด้วยระบบ EMA จาก Positioning ตามระบบ ก็ยังไม่ต้องขาย Let profit run


บทสรุป   การใช้ระบบ Time Frame ร่วมกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคคอล มาช่วยในการบริหารการลงทุน สามารถทำได้ ร่วมกับ Life styles ให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตที่เป็นอยู่อย่างมีความสุข เพียงแต่ต้องมี Positioning และ Target ในการลงทุนที่แน่นอน ซื้อเพราะอะำไร จะขายเพราะอะไร โดยไม่ต้องทิ้ง อาชีพที่เรารัก อาชีพที่เราร่ำเรียนมาหลายปี ด้วยความยากลำบาก ผลตอบแทนการลงทุน สามารถลงทุนให้ดีได้ วัน วัน ไม่ต้องมาต้องเฝ้าหน้าจอกันอย่างเดียว มันยังไม่ถึงเวลา ใช้ชีวิตให้มีประโยชน์ ทำสิ่งที่เรารักดีกว่า ลงทุนอย่างเป็นระบบสามารถช่วยได้ ถ้าจะเล่นแบบเก็งกำไร Day trade ก็เพียงแต่ ปรับระดับ Time Frame ลงมาเป็นระดับนาที (บริหารหัวใจ ความตื่นเต้น เร้าใจ เลือดสูบฉีด ถ้าชอบนะครับ การวิเคราะห์ทางเทคนิคยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแตกต่าง)  การลงทุนที่ดี เราสามารถบริหารชีวิีตให้มีความสุข ร่วมกับการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ดีและน่าพอใจได้ นำระบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคคอล มาช่วยบริหารการลงทุนอยู่กับข้อมูลปัจจุบันได้ อย่าไปคาดเดาอนาคตครับ

Monday, September 12, 2011

เทคนิคการลงทุน แนวรับ-แนวต้าน เข้าใจ ลงทุนกำไรได้ แบบ สบาย สบาย


 "อยู่ได้ฟ้าอย่ากลัวฝน เกิดเป็นคนดี อย่ากลัวคนนินทา" กลับมาอีกครั้ง Season 2 โดนทำร้ายทางใจมานิดหนึ่ง ขอเครียร์ Positioning นิดหนึ่งครับ ว่า ไม่ใช่พวกหลอกใครไปลงทุนในต่างประเทศ ลงทุนใน Gold หรือ หุ้นต่างประเทศ ไม่เคยชักชวนใครมาลงทุนกลับผมนะ  ไม่ใช่พ่อมดการเงินที่มาเรียนแล้ว จะได้กำไร 100%-1000% ใน  ระยะสั้น ผมสอนหนังสือให้คนที่ยังไม่รู้ ลงทุนไม่มีระบบ เรียกว่า "สอนหนังสือ" ให้จะดีกว่า คนที่สนใจลงทุนในต่างประเทศ  สอนให้มีแนวคิดการลงทุนที่ถูกต้อง การใช้เครื่องมือโปรแกรมการวิเคราะห์ทางเทคนิคคอล ในการบริหารการลงทุนของตัวเอง ร่วมกับการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน ให้มีผลตอบแทนในทางที่ดีมากขึ้น คนไทยเราเปิดพอร์ตลงทุนต่างประเทศได้แล้วครับ มีพอร์ตของตัวเองเหมือนพอร์ตที่เล่นหุ้นไทย ก็ซื้อหุ้นลงทุนธุรกิจในต่างประเทศด้วยตัวเองได้ ถูกกฏหมายไทย เพียงแต่ใช้เงินลงทุนพอสมควร ค่าคอมไม่ค่อยถูกนัก ลองถามโบรคเกอร์คุณใช้ดู แต่ ค่าคอม โปรแกรมเทรด ก็ต้องเลือกกันหน่อย (เกือบทุกโบรคเกอร์ มีนะครับ แต่ก่อนไม่มี ผมต้องอยู่แคนาดา 3 ปี ถึงจะมีพอร์ตลงทุนต่างประเทศได้ ทนอย่างหนาว -20'C ถึง -30'C นะ สมัยผมไปมันยังไม่มีเลย)

   ผมสอนแนวทางการลงทุน ความรู้ให้ครับ ถ้าคุณไม่มีความรู้ก่อนลงทุน คุณกำลังตกอยู่ในการลงทุนที่เสี่ยง  Positioning ผมคือ สอนการลงทุนในต่างประเทศ สำหรับผู้ที่สนใจ เพียงแต่ เนื้อหาใช้กับการเทรดหุ้นไทยได้ ก็บอกว่า ระบบการเล่น วิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิค ก็เหมือนกัน แถมยังเป็นภาษาบ้านเกิด เปิด ทีวี Money Channel อ่านข่าวภาษาไทย มันจะยากตรงไหน กันครับ  ระบบ Technical analysis มาจากต่างประเทศ ไม่ใช่เกิดจากเมืองไทย  อยากให้คนไทยมีความสามารถ มีศักยภาพลงทุนในต่างประเทศได้ คนไทยเราไม่แพ้ชาติใดในโลก ยังเชื่อมั่นเช่นนั้น นอกจากลงทุนในหุ้นบ้านเรา ซึ่งเป็นอยู่แล้ว ออกไปเอา $ เข้าประเทศมาช่วยชาติ เหมือนคนสิงค์โปร์ ไม่ได้รอโอกาส รอเงินฝรั่งเข้ามาอย่างเดียว ตามจังหวะและสถานการณ์  เน้น ตามจังหวะและสถานการณ์ (เน้นอีกที) ไม่มีใครชนะตลาดได้ แต่ รู้จักจังหวะ รอโอกาส มีความรู้ในการบริหารการลงทุน คุณสามารถทำได้ต่างหากครับ เมื่อใดก็ได้ที่ ทุกที ทุกเวลา Around the World ในสิ่งที่มีความรู้อยู่กลับคุณ  คนที่ว่า คนอื่นจะไม่ดี จะหลอกลวง ลองอ่านความประทับใจคนเรียนแล้วดูบ้างครับ (http://nastocks.blogspot.com/2011/01/north-america.html)...ว่าผมไม่ได้หลอกอะไรใคร ผมสอนพี่น้อง หมอ วิดวะ นักการเงิน นักบัญชี  เจ้าของธุรกิจเขาไม่ได้คนโง่นะครับ มีสติปัญญาระดับแนวหน้านะที่ใครจะมาหลอกลวงได้   สอนให้คนขาดทุนหนัก ผมยัง สอนให้ ฟรี เลย ก็มี



    ผมสอนให้ การลงทุนอย่างเป็นระบบ คุณสามารถลงทุนต่างประเทศได้ แม้ตัวคุณอยู่ประเทศไทยนี่แหละครับ  ค่าเรียนไปทำเป็นกองทุนการศึกษาเด็กช่วย คนเก่ง คนดี แต่ไม่มีทุน  (ไม่มีใครคิดแบบผม ใช่มั้ย เลยคิดว่า คนอื่นจะคิดไม่ดีตลอด )  ...ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง ผมใช้เงินแบบพอเพียง มีน้อย ก็ใช้น้อย มีมากก็ยังใช้น้อย ทานข้าวมื้อละ 30-40 บาท เข้า 7-11 ไม่ค่อยชอบเดินห้าง ไม่ชอบ Shopping รู้จักใช้เงิน มีความรู้การลงทุน ไม่ต้องกลัวผมจะจน โดยเฉพาะ การศึกษาที่ติดตัวผม ก็เหมือนมีทรัพย์อยู่นับล้าน ใครก็แย่งไปไม่ได้ ผมหาเงิน ลงทุนเป็นระบบ ลงทุนไม่ประมาท จะจนลงตรงไหน กลางวันเทรดหุ้นไทย Futures  กลางคืนเทรดหุ้นต่างประเทศ Gold Silver ETFs มีระบบเทรด มีเครื่องมือป้องกัน Stop order ที่ดี ก็จะหมดเวลาแล้ว แต่ ดูเหมือนชีวิตมันไร้สาระ  นั่งอยู่บ้าน ไม่มีสังคม ไม่มีเพื่อน (มีคนว่า พี่เป็นคนไม่มีสังคม ก็โดนมาแล้ว  เลยต้องหาเพื่อนในโลกไซเบอร์ เจ็บ จี๊ด เข้าไปถึงหัวใจ)

มีคนชอบถามเทรดได้เยอะ แล้ว ทำไมจะลำบากจะมาสอนคนทำไม ทำไมไม่เทรดหุ้นอย่างเดียว ผมตอบให้  เงินทอง มีอยู่ในโลกการลงทุน Zero-Sum Game ใครมีความรู้การลงทุนที่ถูกต้องเหมือนรหัสกด ATM ในอากาศ ในตลาดหุ้น (คนในตลาดหุ้นมีคนร่ำรวยขึ้นนะ แต่ทำไมหลายคนลงทุนจึงขาดทุน ลองคิดดู อะไรที่แตกต่างกัน)   คุณจะรวยขึ้น มีชีวิตดีขึ้น ลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดี ขาดทุนน้อยลง ก็ดีใจด้วย ให้ความรู้ ให้แนวทางการลงทุนที่ถูกต้อง ถ้าไม่มีระบบ ความคิดไม่ถุกต้อง อยากที่จะทำกำไรได้แบบยั่งยืน การแบ่งบันความรู้ให้ ไม่ได้ทำให้ Valued ในตัวของผมลดลง เลย มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น มีประโยชน์มากขึ้น ไม่ได้เก็บไว้กับตัว มันมีประโยชน์กับคนอื่นโดยทั่วไป จุดปัญญา แนวความคิด ได้บุญได้กุศลครับ ไม่ได้มีนิสัยผู้รับเพียงอย่างเดียว ไม่สอนให้คนอื่นหาปลาเป็น ประเทศมันเลยมีแต่คนแบบที่เห็นกัน ....(ผมคิดไม่เหมือนใคร ก็เลยไปไกล ถึงแคนาดา เจอบทเรียนอันแสนสาหัสที่ จดจำไม่ลืม...แต่ก็คุ้มค่ากลับเวลาที่เสียไป)

   ผมก็อยากเป็น อาจารย์ เรียน ป.เอก เหมือนคนอื่น (เป็น อาจารย์ เถื่อน แบบไปก่อนแล้วกัน) เกรด ป.โท เรียน ป.เอก ได้ สบาย สบาย พี่รหัสสายตรงผมเป็น ด๊อกเตอร์ วิดวะ  เพื่อนซิ้ผม นอนห้องเดียวกัน ตอนเรียน ป.ตรี ก็เป็น ด๊อกเตอร์ สายสถาปัตย์ พี่ทีสนิทกัน ก็เป็นอาจารย์ ดร วิดวะสอน นานาชาติ  ...เพื่อนบางคน เป็น อาจารย์หมอยังมี ไม่แน่ ผมอาจจะเรียน ถ้าไม่มีอะไรท้าทาย กว่าทำแล้วในชีวิต รอว่างเป็น Financial freedom ไม่ใช่เรียน ยัง มีทุนการดำรงชีพไม่พอ...เป็นหนูติดจั่น  ระดับการศึกษาไม่ใช่คำตอบ แต่หากความคิดต่างหากที่สำคัญ  อาจารย์มหาลัยอันดับ 1 เมืองไทย ก็รอให้ไปเรียน หรือ จะกลับเรียนเมืองนอกก็ได้ ทุนมีให้เรียน อีก 3 ปี แต่ ยังไม่ว่าง ดูแลน้องชาย แถมเรียนแล้วกลับมาเมืองไทยจะได้ 2 หมื่นกว่า ลดเงินเดือนตัวเอง จะเรียนไปเพื่ออะไร ตอนนี้..แค่ที่มียังใช้ไม่หมด. เด็กจบใหม่ได้จะได้ หมื่นห้า  ยังไม่ว่างสำหรับ MBA หรือ PhD  อ่านเองไปก่อน ผมอ่าน ค้นคว้าเองได้ มันไม่ได้ยากอะไรเลย เรียนมาตั้ง ป.โท ยังอ่านเอง ค้นคว้าเองไม่ได้ เอา ปริญญาที่มีไปคืนเขาเถอะ ที่คุณได้มาคือ กระดาษ ใบหนึ่งที่สังคมยอมรับเท่านั้น  โดยเฉพาะ ปีหน้าต้องบินกลับแคนาดา ไปทำเรื่อง ซิติเซนต์ พาสปอร์ตแคนาดา ...ปีนี้-ปีหน้าก็ยังไม่ว่าง ดวงเดินทางยังต้องมาอีก
    เลยมีความคิด สอนหนังสือ ก็ว่างไง อยากมีเพื่อน อยากมีสังคม ไม่ใช่นั่งเทรดหุ้น บ้าบอคนเดียว อยากทำกองทุนช่วยเด็ก ช่วยคนลำบาก จะเป็นไร เรียนกลับไปขายหุ้นดีขึ้น ถูกจุด ลงดอยเบา เบา ซื้อหุ้นถูกเทรนก็ได้กำไรค่าเรียน คืนแล้ว ความรู้ระบบเทรดที่ถูกต้องสำคัญ โดยรวมแล้ว "มันมีความสุข ....ที่วัดไม่ได้"
ความคิดผมไปถึง เปิดโรงเรียนสอนการลงทุนทีเดียว สอนให้คนรุ่นใหม่ (Y-Generation) สู้กับพวกฝรั่ง ออกไปนอกประเทศ Global Citizen (คนไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก เพียงแต่รักกันให้มากหน่อย) รู้จักการลงทุนเป็นระบบ ไม่ใช่ในเพียงในประเทศ เราต้องออกต่างประเทศกัน มีธุรกิจอยู่ต่างประเทศกันบ้าง  แค่ ลองสอนชุดแรก 40 คน ว่า ผลตอบรับเป็นอย่างไร  ...ผลออกมา คือได้ ความประทับใจที่ดี

      กลับเมืองไทยมา 2 เดือน คุมโปรเจค กังหันลม ของเมืองไทย ฝรั่งจ้างพออยู่ได้แบบสบาย โปรเจคเลื่อน เขาเชิญคุณออก แต่มีความรู้ นั่งอยู่บ้านเทรดหุ้น ไปมา รายได้ก็ไม่ได้แตกต่างกัน อาจจะมากกว่า เสียอีก ไม่ต้องตื่นเช้า ขับรถไปทำงาน 3 ชม อย่างต่ำ กลับบ้านดึก 2 ทุ่มเร็วสุด รถติดอีกโดยเฉพาะ ฝนตกด้วยแล้ว    บางคนหาว่า ผมมีอีโก้ ..(โดนมาอีก ..ตรงไหน ไม่เข้าใจ ช่วยให้ความคิดที่ดีตลอด) .... ทุกอย่างมาด้วยสามารถและความพยายาม เกิดมายังไม่เคยดูถูกใครเลย ...ไปถามลูกน้อง เพื่อน พี่ พี่ ของผมดู คุยกันได้หมด ไม่เคยดูถูกการศึกษาใคร ชื่นชมในความสามารถ  รับฟังความคิดเห็นคนอื่น ตอนเ้ด็กหลายคน ลูกน้องที่ทำงาน อายุเยอะกว่าผมเพียบ แต่ เราคุยกันด้วยเหตุและผล คุณมีเหตุผลกว่า เขาจะยอมรับที่ตรงนั้น สั่งงานไม่มั่ว  ต้อง Make sense (แต่ถ้าระบบการคิดไม่มีเหตุผล ไม่ผ่านครับ ก็แค่นั้น) ไม่มีสี  มุมมอง ความคิดเหมือนคนนอกบ้านมากกว่า


นอกเรื่องตามเคย อยากให้รู้เข้าใจกันมากขึ้น ในการถ่ายทอดลง Blog เผื่อวันหนึ่ง ผมจากโลกนี้ไป (ไม่มีใครรู้อนาคต นี่นา) น้อง ลูก หลาน จะได้มีแนวทางการลงทุนที่ถูกต้อง ความรู้ไม่หายไปกับตัว มีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง

มาเข้าเรื่อง การเทรดโดยใช้ระบบแนวรับ แนวต้าน  ในการลงทุนจะมีระบบในการลงทุน เช่น Trend following หรือ Trailing stop system ที่เคยเขียนให้อ่านกันบ้างแล้ว ที่สามารถทำกำไรในการลงทุนได้ในระยะสั้นกลาง ยาว ตาม Time Frame ของนักลงทุนแบบต่างๆ  การใช้ Indicators ในการตัดสินใจแต่ละยังไม่เหมือนกันเลย บางคนเทรดใช้ Pattern , Trend Line , Elliot Wave, Candlestick  ในโลกของการลงทุน ซึ่งต้องเรียนรู้ ว่า ข้อดี ข้อเสีย อะไรดีกว่า อะไร ตรงไหน เราต้องเรียนรู้ให้หมด แต่ไม่ได้ใช้ทุกอย่าง ต้องมีระบบที่ดีนำ แต่ต้องเรียนรู้ว่า นักลงทุนเขาคิด เขาจะลงทุนอย่างไร จุดไหน ที่ต้องระวัง "รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้งครับ"   มีเทคนิคการเทรดอีกระบบที่ คนกลุ่มหนึ่ง ใช้ซื้อขายตามแนวรับ แนวต้าน ที่เราต้องเรียนรู้กัน




มาดูความหมายของแนวรับ แนวต้านกัน ในแบบต้นฉบับ English 

"Support is a level at which bulls (i.e., buyers) take control over the prices and prevent them from falling lower.

Resistance, on the other hand, is the point at which sellers (bears) take control of prices and prevent them from rising higher. The price at which a trade takes place is the price at which a bull and bear agree to do business. It represents the consensus of their expectations.

Support levels indicate the price where the most of investors believe that prices will move higher. Resistance levels indicate the price at which the most of investors feel prices will move lower. "

แปลไืทยได้ใจความคร่าวๆ ดังนี้

แนวรับ คือ ระดับที่ผู้ซื้อ ควบคุมราคาและป้องกันราคาที่ต่ำลง
ในทางกลับกัน แนวต้าน คือ จุดที่ผู้ขาย ควบคุมราคาและป้องกันราคาที่สูงขึ้น  ราคาที่ซึ่งเกิดขึ้นที่จุดผู้ซื้อและผู้ขาย เห็นร่วมกันในการทำููธุรกิจ ที่เป็นจุดสอดคล้องของการคาดหวังของพวกเขา

ระดับแนวรับ บ่งชี้ว่า ราคาที่ซึ่งนักลงทุนส่วนมาก เชื่อมั่นว่า ราคาจะสูงขึ้น  ระดับแนวต้าน บ่งชี้ว่า ราคาที่ซึ่ง นักลงทุนส่วนมาก รู้สึกว่า ราคาจะเคลื่อนที่ต่ำลง


 ถามเรียนรู้ทฤษฎีแล้วได้อะไร (ไม่ต้องเขียนมา ผมก็รู้น่า) ...รู้แต่เข้าใจไหมครับ ว่า จิตวิทยาในตลาดเข้าคิดกันอย่างไรอยู่ แล้ว นำมาพัฒนาเป็นระบบเทรดได้อย่างไร  ไม่มีอะไรม่ากมายครับ ถ้าเข้าใจคือ หลัก Demand Supply ตามหลักเศรษฐศาตร์เบื้องต้น ไม่ได้ลึกลับ ซับซ้อนอะไรมาหมาย   "แนวรับจะมีคนซื้อครับ ถ้าคนซื้อมากกว่าคนขาย ราคาแท่งเทียนจะเป็นสีเขียว  จากที่แดง แดง แดง ลงมา อย่าเพิ่งเอามือไปรับของ ถูกแล้ว จะมีถูกอีก ก็ไป เมื่อมีสัญญานซื้อ แท่งเทียนเขียว รับของกับเขาด้วย  ถ้าแนวรับ รับไม่อยู่ ซื้อแล้วไม่ขึ้น ต้อง Stop loss ไปตามวินัย ที่คำนวนไว้ก่อนเข้าซื้อ การเทรดแบบนี้ คนที่รับความเสี่ยงได้สูงและมีกำไรสะสมเยอะเขาเล่นกันครับ  หรือ  ที่แนวต้าน จะมีคนขายของ ราคาไม่ทะลุแนวต้าน ก็ขายกับเขาด้วย  ถ้าทะลุแนวต้าน คือมีคนซื้อมากกว่าคนขาย ค่อยซื้อตามไป  อีำกที แนวต้านเดิม จะเป็นแนวรับใหม่ครับ ทำเหมือนเดิม " แนวรับ ได้จากการตีเส้นยอด High เดิมก่อนหน้า แนวต้าน ได้จากการตี จุด Low เดิมก่อนหน้า หรือ ใช้ การลาก Fibonacci Retracements  ทำกำไรสั้น สั้น พอเพียงเหมาะเล่นช่วง Sideway ได้ แต่่ต้องเฝ้าหน้าจอนิดนึ่ง หาจังหวะ เก็บของและขายของ  ถ้าไม่มีเวลา เล่นไปตามระบบ Trend follower ไปดีกว่า แต่ต้องถ้าแนวโน้มใหญ่ของภาพรวมใหญ่ของตลาดขาขึ้น  ถ้าสภาพตลาดไม่ใช่ขาขึ้น ก็ไม่มีทาง Let profit run ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  มาดูตัวอย่างกัน


หุ้นต่างประเทศ  Gold ETF :IAU


รับแนวรับ จาก 2 วัน แท่งเทียนแดง เสี่ยงเข้ารับ แท่งเทียนเขียว $16.75 พร้อม Volume support  และไปขายแนวต้าน แนวต้านเดิม $18.5  จะได้กำไรผลต่าง $1.75 = %10.44  เห็นไหมครับ ว่า ทำกำไรได้ไม่ยาก ความเสี่ยงสูง แต่ได้กำไรสูงเช่นกัน แต่ต้องเทรดมีระบบ ถ้าผิดทางต้อง Stop loss ตามที่วางแผนไว้ก่อน  1000@$16.75 = $16,750 กำไร $1748 x 30.5 = 53,333.5 บาท  8 วัน

หุ้นในประเทศ

SET- ภาพรวม


จากการตี Fibonacci retracement จะได้แนวรับ แนวต้าน จะเห็นว่า ไม่สามารถผ่านแนวต้าน (หลายคนสงสัยว่า ทำไมมันขายกันตรงแนวต้าน แป๊ะ ก็บอกแล้ว เครื่องมือ โปรแกรมมันมาจากต่างประเทศ คนเทรด เจ้ามือ โบรค ฝรั่ง มันก็ลากเส้นเหมือน ซื้อ ขาย ตรงไหน ตำราเล่มเดียวกัน Textbook ไม่ต่างกันทั้งโลก เลข Fibo ตัวเลขเดียวกัน ลากมาก็ได้เหมือนกันเลย (บางอ้อแล้วใช่ไหมครับ ว่าทำไมมันแม่น ลากแล้วโดน ...ก็ตัวเลข มันใช้เหมือนกันทั้งโลกไงล่ะครับ)  ถ้าคุณลากเป็นก็รู้ว่า จะซื้อ ขาย ที่ไหน พร้อมเจ้ามือ  ก็ตาม Concept "เรียนรู้เขา รบร้อย ชนะ แน่"

BANPU


BANPU หุ้นยอดฮิต จากการตี Fibonacci Retracement จะได้แนวรับ แนวต้าน ตามเลข Fibo เล่นตามระบบแนวรับ แนวต้าน จะได้กำไร Profit1+ Profit2 =(21+36)*100/592 = 9.8% ใส่กระเป๋าไว้ก่อน ไม่ยาก การลงทุนต้องรอจังหวะ มีระบบการเทรดที่จัดเจน มีจุดซื้อ จุดถอยที่วางแผน   เสี่ยงสูง ต้องมีการวางแผนซื้อขาย แบบลดความเสี่ยง
มีนักลงทุนที่เฝ้ารอจังหวะ ไม่รีบร้อนเข้าซื้อหุ้น แดง แดง แดง ไม่ใช่คิดไปเองว่า ของดี นั้น ถูกแล้ว ของถูกแล้ว มีถูกอีกใช่มั้ยครับ เห็นมั้ยครับ อ่านกราฟเทคนิคได้มีประโยชน์ มีคนบางพวกเล่นเป็นระบบ ทำกำไรได้ แ้ม้ตลาดจะไม่เป็นใจ หรือ เป็นแบบ Sideway  ไม่ได้ชนะตลาด แต่เข้าใจตลาดและมีเทคนิค ทำกำไรได้ไม่ยากครับ

บทสรุป  การเทรดแบบระบบแนวรับ แนวต้าน สามารถลงทุนได้กำไร เพียงเข้าใจ ทฤษฎีของแนวรับ แนวต้าน ว่า เกิดจากอะไร จิตวิทยาของคนในตลาด เป็นอย่างไร  แล้วจะนำมาปรับใช้ในการลงทุนอย่างเป็นระบบ โดยลดความเสี่ยง ด้วยการวางแผนจุดซื้อ จุด Stop loss รอจังหวะ เขาเรียกว่า "เสี่ยงแบบมีการบริหาร มีการจัดการ" นำมาซึ่งผลตอบแทนการลงทุนที่ดี  เห็นหรือยังครับ การใช้ความรู้ทางเทคนิค บริหารลดความเสี่ยงกับหุ้นพื้นฐานดี สามารถนำมาใช้ในการลงทุน ถ้าเราเข้าใจ เรียนรู้การใช้เทคนิคคอล ไม่ได้ หมายความว่า ใช้แล้ว จะล่ำซำเลย หากเรียนเพื่อการลงทุนในอนาคต รอจังหวะการลงทุนที่เหมาะสม ตลาดเอื้ออำนวย ช่วยให้พอร์ตเติบโตในระยะยาว มีกำไรแบบยั่งยืนครับดีกว่าไม่เรียนรู้อะไรเลยแน่นอน


สุดท้าย มีวีดีโีอมาให้ฝากชมกัน สอนโดยฝรั่งกันบ้าง ภาษาอีสาน มีประโยชน์ต่อการลงทุน






Sunday, September 11, 2011

อำลา การเขียน Blog ขอบคุณสำหรับการติดตาม (^/\^)



มีความรู้จะถ่ายทอดอีกหลายเรื่อง แต่ขอไม่ถ่ายทอดผ่าน Blog แล้ว (มีคนหาว่า โชว์พราว..อวด..เฮ้อ ประเทศไทย ถ่ายทอดความคิดที่มีประโยชน์ ช่วยคน แท้ แท้ ) ไม่เขียนถ่ายทอดแล้วครับ (ไปคนเดียวก็ได้  ) มีทั้ง กลยุทธ์เทคนิคการลงทุนหุ้นแบบต่างๆ การลงทุน ที่อยากเผยแพร่ อีก Futures รูปแบบการ Set Indicators ที่เหมาะกับ การลงทุนในแบบต่าง ๆ   ขอเก็บ Know how เหมือนคนอื่น บ้าง (เก็บกันจัง) ถ้าสนใจเรียนลงทุนหุ้นต่างประเทศ / หุ้นไทย ติดต่อมา ถ้าคิดว่า ระบบการลงทุนของผม จะช่วยระบบการลงทุนของใครให้ดีขึ้นได้ ถ้าอยากรู้ อยากเรียน จะสอนให้ จะถ่ายทอด ให้ เต็ม เต็ม ติดต่อมาหลังไมล์ kittinum@yahoo.com ก็แล้วกัน  ก็ ยังคุยกันผ่าน Fanpage (http://www.facebook.com/pages/Kittinu-Stock-Investment-in-North-America-USCanada/185911524756511)...ได้ ขอขอบคุณสำหรับการติดตาม Blog ....ไว้อารมณ์ดีแล้ว (มีเคือง) จะกลับมาเขียนใหม่ Season 2  (^/\^)

Tuesday, September 6, 2011

เทคนิคการลงทุน Growth Stock กับ Cycle Stock ด้วยเทคนิคคอลตามระบบเพิ่มพอร์ตโต


การลงทุนในหุ้นเหมือนการทำธุรกิจ แต่ ไม่ได้ทำเอง ฝากผู้อื่นเขาทำ หุ้นแต่ละตัว จะมี Business Cycle ของแต่ละธุรกิจอยู่ ซึ่งหมายถึง การเติบโตของหุ้นในแต่ละเวลา นั้น ระยะเวลาไม่เท่ากัน ไม่ใช่เวลาเดียวกัน จะลงทุนอย่างไร ในเวลาจำกัีดให้พอร์ตเราโตมากขึ้น หรือ เรียกว่า การลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ นั่นเอง เราต้องมีตัววัด KPI (Key Performance Index) ที่ชัดเจน หลายคน คุ้นหู คำนี้ มีใช้ใน บริษัท เรานี่นา ....แต่ ไม่เคยนำมาใช้กับ "บริษัทตัวเอง" หมายถึง การวัดประสิทธิภาพของระบบการลงทุนของตัวเรานั่นเอง ..บทนำ ปล่อยให้สงสัยสักระยะ ว่าจะทำอย่างไร

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ พี่น้องที่ช่วยโหวต Blog ทะลุแนวต้าน ลำดับ 10 ให้ครับ ทำให้มีกำลังใจขึ้นเยอะ รู้ว่า มีรางวัลที่ 1-3 ไม่ได้หวังสิ่งของอะไร รู้อยู่แล้วครับ ว่าไม่ได้ แต่ รางวัลผม คือ "กำลังใจ" ต่างหาก เขียนแล้ว ผู้อ่านมีประโยชน์ มีแนวคิดเพิ่มในการลงทุน มีคนชอบบ้าง หรือไม่อย่างไร ขอบคุณมาก ขอบคุณจริง จริง จะถ่ายทอดประสบการณ์ เล็กน้อย ให้อ่านเล่น ขำ ขำ กันต่อไป


วันว่าง เสาร์ ที่ผ่านมาได้ สอน Stop working Class ลำดับที่ 37-40  มี อาจารย์ ดร. การเงิน หลักสูตรนานาชาติ มีชื่อเสียง มาเรียนด้วย ปลื้มใจมาก ไม่เคยสอน ดร. ครับ พี่ ดร อยากศึกษาด้านเทคนิคคอล เพื่อเป็นกลยุทธ์เพิ่มในการลงทุน ถามว่า ผมจะสอนพี่ได้หรือ (สอน ดร. ไม่เคย จริง จริง) พี่เขาตอบว่า  "ความคิดต่างหากที่สำคัญ" (ตอบแบบนี้ ต้นแบบยอดคนเลยครับ สวดยวดมาก) ขอบคุณมากที่เชื่อว่า ว่าผมสอนให้ได้  เลยได้แลกเปลี่ยนการลงทุนตลาด ต่างประเทศ เพิ่มกัน  ตลาด Hungseng ของ Hongkong ซึ่งผมมีพอร์ต HSBC อยู่ก็ลงทุนได้ แต่ เพียงขาดความรู้ ไม่ใช่สนามที่ถนัด ต้องลงทุนด้วยความระวัง ต้องมีความรู้เสียก่อน ถึงแม้หลักการลงทุน ไม่ได้แตกต่างกัน แตกต่างกันเพียงปัจจัยตลาด จึงลองใช้ Metastock ดาวน์โหลดข้อมูลหุ้น Hongkong ตัวแรก ที่วิเคราะห์แบบอัตโนมัติให้ชมว่า ทำได้  และคงต้องใช้เวลาศึกษากันสักระยะ ซึ่งจัดอยู่ในแผนงานการลงทุน 

หุ้น Hongkong วิเคราะห์ด้วยโปรแกรม Metastock


ส่วนตัว มองว่า Fund flow จะคงอยู่ในตลาดเอเชียบ้านเรา  ถ้ามีความรู้ในการลงทุน นอกจาก ตลาด SET บ้านเรา ที่โซนเวลาใกล้เคียงกัน ก็เป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนที่ดี ของซีกโลกตะวันออก ในตอนกลางวัน ที่ไม่เลวทีเดียว  เลยขอเปลี่ยนชื่อ Blog จากเดิม Stock Investment in North America มาเป็น  "Stock Investment in Global Markets"  ทางฝั่งโซนอเมริกาเหนือ  โดยเฉพาะ USA มีปัญหา ถามว่า จะไปลงทุนกันทำไม  (รอจังหวะ สิครับ เก็บของถูกแบบ Subprime 2008 รอบที่แล้ว ช่วยลุงบัพฟ์ ทำงานกันหน่อย เก็บของดี ของถูก ลงทุนความรู้ก่อน มีความรู้อยู่กับตัว ลงทุนเมื่อไหร่ รอจังหวะ ลงทุนที่ไหนก็ได้ Around the World Anywhere Anytime ยังมีเวลา 30 ปี รอได้ ไม่มีรอบใหม่ให้รู้ไป) ส่วนตัวลงทุนโซนอเมริกาเหนือลงทุนบันผลรายเดือน หุ้น Common stocks ของ Canada ครับ คนมี ระเบียบ วินัย กฏหมาย ดีมากกว่า แถม Canada เครดิตยังเป็น AAA ครับ ยังมั่นใจได้ ถึงจะมีผลกระทบกันบ้าง เพราะ USA กับ Canada ทำการค้าระหว่างกัน  ส่วนพวก Gold Silver ETFs จะอยู่ในตลาด USA (ช่วงนี้กลับมาอยู่เมืองไทยเลยลงทุน ตลาดหุ้นไทย มากนิด เพิ่งเปิด พอร์ต Margin, Short Sales, TFEX, Gold Silver Futures ความพร้อมเรียบร้อย เล่นตามจังหวะ เหมาะสมเลยเปลี่ยนชื่อ Blog ตามการลงทุน แต่ Fan page เปลียนไม่ได้ คงไว้ชื่อเดิม )


ส่วนพี่อีก 3 คน เป็น เจ้าของกิจการเม็ดพลาสติก พี่เศรษฐศาสตร์ และ พี่ ผจก Hundai ลงทุนในหุ้นอยู่แล้ว แต่มาศึกษาด้านเทคนิคคอลเพิ่ม เพื่อลงทุนให้มีประสิทธิภาพ (%Efficiency) มากกว่าเดิม (อะ ลงทุนต้องให้มีประสิทธิภาพด้วย เหรอ ...ก็เวลา มีทุกคนจำกัดนะครับ แต่ ใครจะลงทุนได้งอกเงยมากกว่ากัน เมื่อเทียบกับเวลาที่เสียไป เขาเรียกว่า "ประสิทธิภาพ" นั้นเอง

ในการลงทุนต่างประเทศ สิ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้ คือ การวิเคราะห์ทางพื้นฐาน เบื้องต้นในการเลือกหุ้นที่ดี มี Story  การวิเคราะห์ทางเทคนิค ใช้ในการหาจุดเข้า หาจุดขายที่ดี โดยใช้กราฟทางเทคนิค ในการบริหารความเสี่ยงและการป้องกันกำไร ซึ่งมีความจำเป็นต้องเรียนรู้ก่อนการลงทุน  ค่าเงินต่างประเทศแพงมากครับ ไม่ถูก ขาดทุนที่ ยู่ยี่แน่ แต่ เข้าถูกได้กำไีร อู่ฟู่ โปรแกรมเทรด เป็นตัวช่วยที่ดี  รวมทั้งการเลือกระบบ และ การเซ็ต Indicators ที่ดี ต้องให้สามารถลดความเสี่ยง หรือ % การเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มราคาอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้ ต้องหามีระบบการลงทุนทางเทคนิคที่ดี เหมาะสม มีเหตุ มีผล หรือ ถ้าเชื่อซื้อตามโบรคเกอร์ เตรียมขาดทุนได้เช่นกัน ฝากเงินทองให้คนอื่นตัดสินใจ แต่ ไม่ยอมเรียนรู้ในการลงทุนด้วยตัวเอง (คุณต้องมีความรู้ สั่งโบรคเกอร์ครับ ไม่ใช่ให้เขาแนะนำคุณ...สั่งให้เขาขาย สั่งให้เขาซื้อ ขาย ตามจุดที่คุณดูจากกราฟเทคนิค เพื่อใช้ในการบริหารเงินทุนของคุณเอง เมื่อคุณไม่ว่าง)  คิดจะออกลงทุนนอกประเทศ ค่าครูบนดอย แพงกว่า หุ้นบ้านเรามากนัก มันคือ "เงินเหรียญ $" นะครับจะหาว่า ไม่เตือนกัน (หุ้นต่างประเทศ ไม่ได้ หมูนะครับ  ลงทุนได้ แต่ ต้องลงทุนอย่างมีระบบ และ ลดความเสี่ยงลงให้มากเท่าที่จะทำได้ มันไกลตัว ไกลทั้งข้อมูล ไม่เหมือนบ้านเรา )

มาเข้าเรื่องสักที  Business Cycle มันเป็นอย่างไร มาเล่าให้ฟังกัน

ช่วงเวลาของ Business Cycle

การเปรียบเทียบ Business Cycle กับ Stock Market Cycle



อารมณ์ทางจิตวิทยาของนักลงทุนในตลาด ตาม Cycle



Business Ownership Lifecycle ในแต่ละธุรกิจ

เจาะลงมาที่ Product Life Cycle


จะเห็นว่า แต่ละ ฺีBusiness ทั้งภาพใหญ่และเล็ก มี Cycle การเติบโตและช่วงถดถอย แม้กระทั้ง ตัวสินค้า (Products) ยังมีวงจรชีวิตของตัวมันเอง (ตัวเราเอง ยังมีวงจรชีวิดเหมือนกัน) ไม่มีหุ้นตัวไหน ราคาสูงขึ้นเป็นเส้นตรง ไม่มีย่อ  ส่วนตรงไหน ที่เรียกว่า  "Growth"  ถ้าเราลงทุนจะมีกำไรจากการลงทุนที่สูง ช่วงถดถอย (Decline) เราก็ต้องถอนทุน เอาิเิงินไปลงทุนใน Business ที่กำลังเติบโต ไม่ดีกว่าหรือ ถ้าเราเป็นนักลงทุน  การเรียนรู้ทางเทคนิคคอล จากการอ่านกราฟช่วยบริหารลงทุนเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น ต่างหากครับ ไม่ใช่ ว่า เทคนิคคอล แม่น หรือ ไม่แม่น ไม่ใช่ประเด็น   มาชมตัวอย่างกัน

 หุ้นต่างประเทศ Gold SPDR ETFs


เห็น Growth ด้วย กราฟทางเทคนิคแบบนี้ เป็น VI ที่ใช้ Technical analysis ที่เรียกว่า "Technical VI" เป็น จะขายไหมครับ ไม่มีของ ก็หาจังหวะเข้าตอนย่อ เก็บของถูกเพิ่มใช่ไหมครับ ....ไม่ใช่ไปซื้อทองแท่ง ซื้อขายกันตามราคา อย่างเดียว ไม่เห็นแนวโน้มของราคา ทำให้ลงทุน อาจจะขายหมู ไปมาเรื่อย หาจังหวะเข้า ออกไม่ดี จริงไหมครับ ถ้าดูกราฟทางเทคนิคเป็น จะลงทุนได้ดีมากขึ้นครับ  เช่น ซื้อ Gold ETFs ปี 2009 ราคา 82$  ในระยะเวลา 2.5 ปี ราคาเพิ่ม $145 ดังนั้น ผลตอบแทน = (145-82)/82*100/2.5 =  30.5% ต่อปี เป็น Growth stock ที่น่าประทับใจ

หุ้นไทย CPF


หุ้น CPF ก็เป็น Growth Stock อีกตัว เพียง 2 ปี ผลตอบแทน 195.2% ต่อปี ถ้าเรียนรู้กราฟ หรือ ไม่เรียนรู้กราฟเทคนิค ก็ร่ำรวยครับ แต่ว่า ถ้าเรียนรู้กราฟเทคนิค จะรู้ว่า จะขายตรงไหน ตรงไหน จะเป็นช่วงถดถอย เอาเงินลงทุนออกทัน ไม่ติดดอย ...VI มือใหม่ อยากเป็น VI เข้าไปเก็บ ต้นทุนสูงกว่า VI รุ่นเก๋า เล่นหุ้นช้ากว่า เพิ่งเข้าตลาดหุ้น  แนะนำเรียนรู้กราฟเทคนิค เพื่อใช่ในการบริหารการลงทุนให้ดี ป้องกันตัวเอง ...ระวัง ลงทุนด้วยความรู้ด้วยความไม่ประมาท

หุ้นไทย PTL


หุ้น PTL เป็นตาม Cycle ตาม ฺีBusiness เป๊ะ เลยใช่ไหมครับ รู้งี้ รู้งี้ เลยใช่ไหม และถามว่า ไม่เรียนรู้เทคนิคคอล จะขายกันตรงไหน VI แท้ ขายกันไม่ทัน ใช้ไหมครับ  แมงเม่าอยู่บนดอยสูงชันกันหลายล้านชีวิต  VI แท้ ถือยาว ไม่ปล่อยของช่วง Decline ก็ดอยกันไปตาม ระเบียบ เชื่อโบรค เชื่อ Research เชียร์กัน เป้าหมายพื้นฐานดี อย่างนี้ อย่างนั้น กี่สำนัก แล้วเป็นไงละครับ ไม่ยอมเรียนรู้ทางเทคนิค (ผมเองก็ดอย และ ซ่อมจุดอ่อน แกร่งจากตัว PTL นี้ ตกเตียงนอน ที่เมืองนอกกันเลย ขำ ขำ ดอยไปไม่เยอะ เก็บได้ยาว ยาว ไป คิดว่าเป็น ค่าครู หลายแต่ไม่หนาว เพราะ เริ่มเรียนรู้เทคนิคคอล เอาที่ขาดทุนคืนได้หมด)  อ่านเทรนเป็น ไปตามเขา ออกก่อนเขา แค่นี้ ก็ล่ำซำขึ้นแล้วครับ ไม่ยาก จังหวะใคร จังหวะมัน

หุ้นไทย PTT


หุ้น PTT เป็น Cycle Stock ชัดเจนมากครับ ถือ 4 ปี  VI แท้ จะได้ผลตอบแทน 51.8%  เป็น Technical VI มีผลตอบแทน Growth 1 + Growth 2 = 50.2%+58.1% =  108.3%   มากกว่า 2 เท่าเลยนะครับ แค่ เรียนรู้การวิเคราะห์แบบเทคนิคคอล ง่ายๆ

บทสรุป  การลงทุนหุ้น ก็เหมือน การทำธุรกิจอย่างหนึ่ง ที่ธุรกิจมีรูปแบบ Cycle มีช่วงเติบโต (Growth) และ ช่วงถดถอย (Decline)  ในแต่ละ Business เราต้องเข้าใจว่า หุ้นบริษัทที่เราลงทุน มี Business Cycle เป็นอย่างไร เติบโตจากพื้นฐานที่แท้จริง หรือ Fund flow ของฝรั่ง ต้องมองให้ออก  การนำการวิเคราะห์ทางเทคนิคมาช่วยในการบริหารการลงทุนและลดความเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการลงทุน ช่วยให้พอร์ตโตเร็ว เขียนไว้เป็นแนวทาง หลายคนมือใหม่ อยากเป็น VI แท้ ถ้าย้อนเวลาไป 2 ปี เท่ากัน  Technical VI จะมีพอร์ตที่โตมากกว่าแน่นอน  ได้ทั้งกำไรเกน และ บันผลประจำปี ขายสุดเทรน เท่ากับ VI แท้ ไม่ต้องรอ 5-10 ปี จะใช้เงินกันตอนเกษียร หรือครับ ขำ ขำ มันไม่ง่ายแบบหนังสือที่เขียนแล้ว  ช่วงนี้ VI แท้ น้ำตาไหล หนาวเย็น กันอยู่บนดอยหลายตัวนะ ไปตามเขา ซื้อตามเขา เขาว่าดี แต่ ขายไม่ทันเขา เพราะ ขาดความรู้ เครื่องมือ เทคนิค ในการบริหารการลงทุนที่ดี  ถ้าโปรแกรมการลงทุนผิด จะไม่มีกำไรที่ดี หรือ ขาดทุน ยิ่งลงทุน ยิ่งขาดทุน ให้ถอยออกมาหา Bug ว่า เราขาดอะไร ตรงไหน  ทำไมลงทุนถึงขาดทุน พอร์ตไม่โตมากมายสักที  ...แก้ไขโปรแกรมใหม่ แ้ล้วค่อยเดินต่อ ตามจังหวะ และ โอกาสเหมาะสม จะดีกว่าครับ