North america

Global Trading Investment Knowledge in Stock Markets : USA (Dow Jones, Nasdaq), Canada (TSX), Thailand(SET)

Wednesday, July 27, 2011

เทคนิควิเคราะห์หุ้น Turn around กับ Inter trader ทำกำไรได้ แม้ ลั้นลา ใน เกาะบาหลี



ก่อนเข้าเรื่อง วันว่าง ส- อา ที่ผ่านมาได้สอนเทรดหุ้น คอร์ส Stop working class กับพี่หมอฟัน พี่ BLA น้อง Eng สำหรับการลงทุน หุ้น ตปท -ไทย และ คอร์ส เม่า Platinum  กับน้อง 4 คน สองคนแรก ไม่เคยลงทุนมาก่อน (เม่า 1.0)  น้องอีกคนติดดอย มา 2 ปี (เม่า 2.0) เชื่อโบรคดูกราฟไม่เป็น น้องอีกคนขาดทุน Forex ตลาดแห่งเซียน (เม่า 3.0) มาช่วยให้สอนให้ เลยสอนการลงทุนให้เบี้องต้น-ขั้นสูง สอนได้ครับ ลงทุนหุ้น ตปท หรือ หุ้นไทย ก็เหมือนกัน มาจาก Text books ต่างประเทศหมด นั่นแหละ ใครอ่านอังกฤษออกก็เรียนรู้เร็ว พัฒนาตัวเอง  ไปได้เร็วครับ ก็อย่างที่บอกว่า ข้อมูลดีดี นั้นเป็น ภาษาอังกฤษ


อ่านประเภท เม่า 1.0-4.0 ได้ที่  C-way investment ครับ Blog นี้ดี มีความรู้ดี ดี เยอะครับ ตาม Link  http://cway-investment.blogspot.com/2011/02/blog-post_16.html
เขียนภาพใหม่ เพิ่ม เม่า Platinum ไป วิชาลงทุน ไมไ่ด้ยากอะไรครับ ที่ต้องใช้เวลาศึกษามากมายหลายปี ไม่นานก็เอาตัวรอดได้ แต่กว่า จะเอาตัวรอดมีกำไรงาม ก็ต้องติดดอย เสียค่าครู เจอประสบการณ์   ค่าเรียนรู้ด้วยตัวเอง หลักหมื่น หลักแสน หรือ หลักล้าน (ผมก็โดนมาก่อน ...โดนมาจนขำไม่ออก จึงเร่งพัฒนาตัวเอง ปิดจุดอ่อนให้เร็ว ศึกษาทุกอย่าง) หรือ เดินหลงทาง ซะ หลายปี จะเอาตัวรอด เสียเวลา บางคนไม่แก้จุดอ่อน พัฒนาตัวเอง ก็ลาออก จากตลาดหุ้นไป หรือ อ่านหนังสือ หลายเล่ม จนมึน ไปสัมมนาหลายคอร์สแล้ว ก็ยังลงทุนไม่ให้ ได้ดี กันสักที คนที่เป็นเซียนได้ ผ่านจุดนี้มาทั้งนั้น ค่าครูมันหลายนัก จึงไม่ค่อยมีใครสอนวิชา หรือ ที่เรียกว่า กั๊กวิชา นั่นเอง ถามอะไร ก็ไม่บอก ไม่สอน สอนก็สอนไม่หมด เรื่องง่ายๆ สอนเอาให้ งง เอาให้มึน (ไอ ขาดทุนมา ยู ต้องขาดทุนเหมือนกันบ้าง สิ ) แต่ นั่นไม่ใช่ผม ถ้าเชื่อมั่นในผม อยากเรียน จริง ผมก็สอนให้  พี่คนหนึ่ง บางคน พูดว่า น้องโชคดีมากที่เจอผม  ทำไมเราไม่เจอกันมาสักหลายปีก่อนนะ  ทำให้ผม ชื่นใจมากที่ได้ยินคำเหล่านี้  ถ้าผมสอน แนะนำ ชี้ให้แนวทาง ทิศทางที่ถูกต้อง ลดเวลาเดิน เตือนให้ระวัง มีเทคนิคการลงทุน ผมสอนให้เต็มที่ ไม่กั๊ก สอนให้เป็น เอาให้เอาตัวรอดได้ ลงทุนประสบความสำเร็จ ก็ยินดีด้วย แต่ ต้องมีวินัย นำไปปฏิบัติ ควบคุมจิตใจตัวเองได้ด้วย  ถ้าคิดจะลงทุนต้อง Stop loss คำเดียวให้ได้ ไม่ใจแข็ง ไม่มีวินัย อย่าลงทุนในตลาดหุ้น

นอกเรื่องอีกตามเคย  ช่วง 13-18/7/2011 ได้ไปเที่ยว เกาะบาหลี เกาะลมบอก ที่ิอินโดนีเซียมาครับ ชีวิตอินเตอร์เทรดเดอร์ ลำบากยิ่งนักกับการเทรดหุ้นที่เมืองไทย เวลาไม่ต่างกันมาก บางตัวต้องขายทิ้งทำกำไรไปก่อน เพราะ หลังเลือกตั้ง SET เปิด Gap  ตามทฤษฎี เมื่อเปิด Gap จะลงมาปิด Gap ในอนาคต แต่ไม่รู้ว่าวันไหน  โปรแกรมเทรดหุ้นไทย ไม่มี Stop loss ที่ตั้งยาว ยาวได้ ขายไปก่อนดีกว่า ทำกำไรไปก่อน (โปรแกรมเทรดหุ้น ตปท ทำได้ สบาย สบาย นะครับ)   กว่า จะกดขายหุ้นได้ แทบเหนื่อย เหงื่อตก ตลาดเกือบปิด เกือบไม่ทัน อินเตอร์เน็ตบ้านเรา เร็วมาก  คลื่น Edge 3G เทียม  ก่อนออกนอกประเทศ เปิด Roaming แต่อินเตอร์เน็ต GPRS ไว้ ใช้ได้ที่อินโดนิเซีย แต่ มันแพง (0.47THB/KB ติดขั้นต่ำ 1KB)
เลยปิดไว้ เวลาในอินโดนีเซีย ช้ากว่าบ้านเรา 1 ชม  สนามบินมี Free Wifi แต่เข้าไปจริงๆ ต่อใช้ไม่ได้  (จะดูหุ้นไทยสักหน่อย ดูไม่ได้ แต่โชคดี ที่ที่พักทุกที มี Wifi ใช้ได้ฟรี)  เทรดหุ้นไทยไม่ได้ เทรดหุ้น ตปท ก็ได้ ในยามค่ำคืนครับ หา $ ใช้กลางคืน ทดแทนค่าเที่ยวสักหน่อย สักหน่อยปกติ หุ้นที่ลงทุน จะเป็น Common stock หรือ ETFs  หาจังหวะเข้า โดยใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค ทคนิคที่ใช้ คือ  Trendline Breaks out  ในการเทรดหุ้นแบบ Turn around  พูดถึงหุ้น Turn around กันนิด มีหลายคนที่เป็น VI ที่ล่ำซ่ำ ชอบลงทุนในธุรกิจ หรือ หุ้น Turn around ที่งบขาดทุน แต่ กลับมามีกำไรได้ ตอนกลับตัว นี่แหละ ที่ทำให้ VI หลายคนมีกำไรอย่างงาม โดยที่เฉพาะ คนมี Insider หรือ วิเคราะห์งบดุลได้เก่ง เก่ง โดยวิเคราะห์ทางพื้นฐาน  แต่ในเชิง การวิเคราะห์ทางเทคนิค สามารถ ติดตามได้ ด้วย การใช้เทคนิค Trend line breaks out ที่สามารถหาได้ว่า หุ้นตัวนั้นกลับตัวเป็นขาขึ้นแล้ว   สิ่งที่เราจะต้องใช้ คือ การตี Trendline breaks out อย่างถูกต้อง เท่าที่เห็นบางคนตี (น้องๆ ใน Facebook) ตีไม่ถูก อยากลากก็ลาก เขามีวิธีลากอย่างถูกต้องครับ ไม่ไ่ด้มั่ว ต้องมีอินดิเคเตอร์ตัวอื่นร่วมด้วย  ตัวที่ผมติดตามต่อเนื่อง คือ Silver ETF ที่ตลาด Nymex ครับ ที่ราคาตกและกำลังจะกลับตัวเป็นขาขึ้น ตามภาพ

หุ้น ตปท : Silver ETF


ใช้แค่เทคนิคเดียว เข้าซื้อไป กำไร จ่ายค่าท่องเที่ยวบาหลี ได้สบาย ไม่ได้อยู่ไทย อยู่ที่ไหนในโลก ก็หา $ จากอากาศได้ครับ ถ้ามีวิชาติดตัว   ดังนั้น การตี Trendline ที่ถูกต้องจะสามารถนำมาดู ธุรกิจ หรือ หุ้นไทยที่จะ Turn around ได้ด้วยที่จะหาจังหวะเข้าไปลงทุนให้ได้กำไรงามได้ด้วยครับ อีกสักตัวอย่าง

หุ้นไทย


ถึงแม้ว่า จะเป็น Valued Investor (VI) ถ้าวิเคราะห์ทางเทคนิคด้วย แค่เทคนิคเดียว คุณก็ทำเงินได้ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้วนะครับ แต่ ถามว่า ตีเป็นบ้างไหม หรือ ตีได้แบบยัง งง งง มึน อยู่หรือเปล่า ถามใจตัวเองดู หรือ แน่ใจว่าตีถูกแล้ว ขำ ขำ ลองศึกษาเพิ่มกันนะครับ มีประโยชน์ อย่างมาก

สุดท้ายเอาภาพ พอดูได้ ถ่ายเองกับมือและกล้องธรรมดาๆ มาฝากกันครับ












เห็น ภาพสุดท้าย ซี่โครงหมูอบ อร่อยมาก ไม่ได้ทาน เหมือนไปไม่ถึง บาหลี เอ่อ ..เขียน Blog เสร็จแล้ว หิว ^-^''

Friday, July 8, 2011

กลยุทธ์การลงทุน ด้วยการจัดพอร์ต (Portfolio management) ด้วยการจัดการความเสี่ยง (Risk management )



เพิ่งกลับมาจากเยี่ยมเยียน เกาะบาหลี อินโดนีเซีย ช่วงวันที่ 13-18 กรกฏาที่ผ่านมาครับ ชีวิต Inter trader ลำบากกันนิดหนึ่งกับการเทรดหุ้นนอกประเทศ พร้อมกับการปั่นสไลด์ เตรียมการสอนหลักสูตรเทรดหุ้นนอก หุ้นไทย Stop working too You still can  ครับ จะมาเล่า ให้ฟังความตื่นเต้น ในบาหลี ให้ฟัง บทความต่อไป


เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาได้สอนเทรดหุ้น สานฝันการเป็นอาจารย์ ที่จริง อยากเรียนต่อ ดร. เหมือนเพื่ิอน เหมือนพี่คน อื่นๆ รายได้อาจารย์บ้านเรา เรียนไป รายได้จะยิ่งลด งง งง มั้ย จะไม่เยอะเหมือนเมืองนอก จะพา น้อง น้อง กันแย่ครับ เมืองนอกเป็นอาจารย์อย่างล่ำซำครับ แต่ อาจารย์บ้านเรา รายได้น้อยนิด สมองไหลกันหมด ผมเทรดไม่กี่วัน เท่าเงินเดือนแล้ว จากวิชาความรู้ที่มีอยู่ เทรดหุ้นไทย หุ้นนอก ขำ ขำ กัน ที่แหละ

สอนวันแรก กลุ่มแรกตกใจกันนิดหนึ่ง คนแรกเป็นพี่หมอรักษาโรคหัวใจ คนที่สอง พี่ PTT คนที่สาม พี่ BCP ระดับอินไซด์เดอรฺ์บริษัทเราในตลาดหุ้นบ้านเรานี่เอง วันที่สอง น้องหมอโรคผิวหนัง 2 คน พี่คุมอง ไม่ธรรมดาเลยกันครับ ไม่น่าจะรู้จักกันได้ง่ายๆ เลย ยินดีมากครับ เรียนกันง่ายๆ สอนแบบครบทุกมุมมองของการเทรดหุ้นนอก หุ้นไทย เพราะ ผมเริ่มจากคนเล่นหุ้นไม่เป็น ก็จะสอนแบบคนเล่นไม่เป็น จะเล่นให้เป็น ให้ดี ไม่เสี่ยง ทำได้อย่างไร มี Road map เส้นทางชี้ให้ (ประหยัดเวลาเดินไปซัก 2 ปี ไม่หลงทาง ไม่ติดดอยสูงชัน ขำ ขำ บางคนเล่นกอล์ฟยังมีโปรจับให้ เล่นหุ้นต้องมีคนแนะทาง จะเร็วกว่า ถูกต้อง ไม่ใช่ลองผิดลองถูก พอร์ตเสียหาย ขาดทุนยู่ยี่) ให้รู้ทุกมุมมอง ครบทุกด้านของการลงทุน ไม่เช่นเรียนเพียงด้านเดียว ไปเรียนแล้วกลับมา มึน มึน ยัง งง ทำอะไร ไม่เป็นเหมือนเดิม จับต้นชนปลายไม่ถูก สรุปเสียตางค์ เกือบฟรี หรือ เรียนเล่น เล่น ไม่ตั้งใจมา มีตางค์ ผมก็ไม่สอน สอนแล้ว ต้องให้ใช้ได้จริง เน้นคุณภาพ จัดเต็ม ไม่งั้นเสียชื่อ  การเทรดหุ้นมันเป็นศิลปะแบบหนึ่งเช่นกัน แบบที่ Text book เขียนไว้แบบด้านล่างครับ


พอเรียนจบ พี่หมอ บอกว่า เทคนิคนี้ดี อันนี้ไม่รู้ ใช้ดี  พี่อีกคน คอร์สนี้ สามหมื่นบาทก็เรียน คุ้มมาก วันเดียว พี่บอกว่า ก็คืนทุนแล้ว ที่แนะนำก่อนเรียน ได้มากกำไร 6% จากพอร์ต 2 ล้าน ฟังแล้ว ปลื้ม แสดงว่า DNA ติวเตอร์สอนพิเศษ ฟิสิกส์ เก่า ยังมีอยู่ แต่ ค่าเรียนผม ( คิดค่าเรียนถูกกว่าเรียน Toefl อีกเรียนจบไป เสียค่าเรียนอีก ล้านกว่าบาท กลับมาเป็นเพียงลูกจ้างเหมือนเดิม (ถ้าจะคิดเป็น)เฮ่อ. วัยรุ่นเซง ผมเองนะครับ ขำ ขำ..บอกได้เลยว่า ยุค 3G มา คนทำงานหาเงินในอากาศ จะเยอะขึ้นอีกมาก มุมมองผม ทำงานได้ทุกที่ แค่ลงทุนความรู้ ในการลงทุน คุณจะหาปลาทานเองได้ตลอดชีวิต ....แม้จะอยู่บ้านนอก ไม่ใช่ในเมืองกรุง ไม่ได้อยู่บนดอยนะ) จะลงทุนทำบุญกองทุนการศึกษาช่วยเด็กๆ ด้วยตามที่ฝันที่เคยเขียนไว้ก่อนหน้า ผมทำให้มันโตขึ้นได้ด้วยเงินกองทุนที่ได้แลกจากการสอน ส่วนหนึ่งบันผลกลับให้ผู้เรียน เรียนกันแบบเพื่อน หลัง Class คุยกันปรึกษา ช่วยกันทำการบ้านผ่าน Facebook หุ้นนอกเป็นหมื่นตัว คนเดียวไม่ไหวแน่ ต้องเล่นกันเป็น Team work หุ้นไทยก็ช่วยกันทำการบ้าน และสามารถช่วยน้องๆ กันได้ พี่ พี่ ถามว่า ทำไมเรียนรู้เร็ว ผมตอบไปว่า ก็  พอเรียนรู้เร็ว เรียนดี ได้ A เยอะ ขำ ขำ แต่ที่จริงไม่ใช่หรอกครับ ผมทำอะไรแล้ว เอาจริง เรียนจริง ตั้งใจจริงเอาให้ได้เกรด A จริงๆ แถมอยู่เมืองนอก มันหนาวติดลบ วัน วันอยู่บ้านค่อยไม่ได้ไปไหน ลัลลาแบบเมืองไทยไม่ได้หรอก เวลามันเยอะ เวลาเท่ากัน เทรด 2 ฝั่งซีกโลก มันเร็วกว่าอยู่แล้ว ได้ประสบการณ์เพิ่มเร็ว ผมเรียนรู้จาก Text books ฝรั่ง, VDOs ด้วยข้อดีที่ ฟัง อ่าน ภาษาอังกฤษรู้เรื่องได้พอใช้นั่นเอง แถมเป็นคนคว้า ศึกษาเอง พัฒนาตัวเองได้ (ไปอยู่เมืองนอกเขาสอนกันแบบนี้) ตามหลัก PDCA (Plan-Do-Check-Action) ปิดจุดอ่อนที่มีให้เร็ว จึงรวดเร็ว แถมเทรดหุ้นนอกมาก่อน พอมาเทรดหุ้นไทย ก็เหมือน เด็กมหาลัยมาทำข้อสอบ มัธยม นั่นเอง

นอกเรื่องอีกตามเคยนะครับ จะมาเล่าการวิเคราะห์การลงทุนแนวพื้นฐาน เพื่อเลือกหุ้นเข้าพอร์ตกันให้ความเสี่ยงลดลง ในธุรกิจแต่ละบริษัทมีวงจรชีวิตของมัน วิ่งเป็นรอบ ประวัติศาสตร์ ย่อมซ้ำรอย มีลงก็ต้องมีขึ้น ดูภาพรวมออก เจาะรายละเอียดย่อย ลดความเสี่ยงในการลงทุน คราวนี้จะมาแนววิเคราะห์พื้นฐาน ในการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต ดี ดี สักตัว ในแต่ละประเภทธุรกิจ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงลง ต้องมองภาพใหญ่ให้ออก ในทุกมุมมอง ค่าพื้นฐานภาพใหญ่ เช่น P/E vs P/BV


Earning Yield vs Revenue Growth

Earning Yeild vs Earning Growth

โดยวิเคราะห์ค่าพื้นฐาน Market cap, P/E Ratio, EPS Growth ในแต่ละประเภทของธุรกิจในตลาดอเมริกาเหนือว่า แนวโน้มธุกิจไหนมีการเติบโตจากอดีต และ แนวโน้มในอนาคตให้ออกในภาพรวม Overview หรือ Performance ว่าธุรกิจไหน จะมีแนวโน้ม ดี  เพื่อ เจาะลงไปยังบริษัท รายต้ว





จากข้อมูลธุรกิจ Healthcare มี Market cap ที่ใหญ่ มีผลตอบแทนปีที่ผ่านมา มากที่เดียว ดังนั้นในพอร์ตของก็น่าจะมีไว้ประดับพอร์ตไว้สักตัว ในประเภทธุรกิจนี้ ยกตัวอย่างในธุรกิจ Healthcare มาหาหุ้นดี ดี  P/E หรือ EPS Growth 5 ปี โต โต กัน


จากข้อมูล ดูแล้วอุตสาหกรรม Managed Healthcare   EPS 5 ปี มีค่าผลตอบแทนกำไรที่ดีทีเดียว หรือ จะเลือกกลยุทธ์บันผล High Dividend สูงดี มากกว่า 10% 


PDL BioPharma Inc. และ Daxor Corporation ก็จ่ายบันผลดีที่เดียว หลังจากได้ตัวเลือก 3 บริษัท เราต้องมาคัดเน้น เน้น สักตัวว่าตัวไหน ดีที่สุด ทั้งทางพื้นฐาน และ ดูกราฟทางเทคนิคเพื่อหาจังหวะเข้าซื้อในเทรนขาขึ้น ซื้อปั๊บแล้วหุ้นขึ้น ไม่ได้อยากซื้อแล้ว ซื้อ ต้องรอจังหวะ ค่าทางเทคนิคที่เหมาะสมด้วยด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิค (ก็ผมไม่ใช่ VI เพียวเป็นลูกครึ่งเทคนิคด้วยนะ)

มาดูกราฟประวัติย้อนหลังกัน 2 ปี

PDL BioPhama Inc.

Daxor Corp.



เปรียบเทียบระยะการจ่ายบันผล ติดตามเทรน หาจังหวะเข้าแนวโน้มขาขึ้น โดยวิเคราะห์ทางเทคนิค เอาแบบใส่ตางค์แล้วโตเลยครับ VI แบบใส่ตางค์ไว้รอ ไม่ใช่แนวทางผมนะครับ ที่เสีย คือ เสียเวลา นั่นเอง (แถมความรู้สึกนิด นิด )


มาดูหุ้นไทยกันบ้าง แถม แถม สำหรับแนวทาง ก็ไม่ได้แตกต่างกัน ต้องมองภาพใหญ่ให้ออก แล้วมองเจาะไปภาพเล็ก รายตัว มอง Fund Flow ให้ออก ธุรกิจไหน อะไรกำลังมา จะได้เกาะไปกับเขาถูก เป็นเหาฉลามไป อย่าไม่ฝืนเทรนตลาด เป็นรอบ รอบไป ไปก็ไปตามเขา เข้าช้า ออกก่อนหน่อย แค่นี้ก็กำไรพอเพียง


จะเห็นได้ว่า พี่ผรั่งยังซื้อสะสม ติดตามทุกวัน ก็น่าจะรู้ว่า ควรเตรียมพร้อมอย่างไร ออกเมื่อใด แล้วมาเจาะลึกดูว่า ประเภทธุรกิจไหน กำลังจะมา  จะกำลังกลับตัว Turn around หรือ ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น ตามก็ นิ่ม นิ่ม ตามเทรนไป


มาเจาะดูกราฟทางเทคนิคกัน ว่าแนวโน้วอย่างไร ยกตัวอย่าง ประเภทธุรกิจ Bank


หรือ ธุรกิจ Health care ก็ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น



จากนั้น ก็เจาะไปรายตัว ตามบริษัทว่าในกลุ่มไหน ตัวไหนกำลังมา หรือ พักตัวหาจังหวะเข้าตามแนวโน้มขาขึ้น ดูอย่างไร ขอบอกว่า ต้องใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเข้าช่วยหาจังหวะซื้อ  เข้าผิดมี Stop loss เข้าถูกตัวปล่อย Let profit run ทำกำไร ไปจนหมดเทรน


เลือกเอาเลยครับ ตัวไหนแนวโน้มขาขึ้น เก็บเข้าพอร์ต ประเภทธุรกิจละตัว สองตัวก็แล้วแต่ ดูแนวโน้มของกราฟ หาจังหวะเก็บ เข้า ตามการวิเคราะห์ทางเทคนิค ลดความเสี่ยงในพอร์ต ในการกระจายความเสี่ยงด้วย

ตัวอย่าง Kbank ภาพใหญ่ ยังเป็นแนวโน้มขาขึ้น



บทสรุป การวิเคราะห์ทางพื้นฐาน และทางเทคนิค ไม่ว่าจะเล่นหุ้นนอก หุ้นไทย ก็ไม่ได้ต่างกันมากมายเท่าไหร่ การจัดพอร์ตให้เหมาะสมด้วยการกระจายความเสี่ยง ในหลายธุรกิจ จะทำให้พอร์ตรวมลดความเสี่ยงลง และยังคงรักษาระดับผลตอบแทนที่น่าพอใจ ที่เล่ามาจะเป็นการมองภาพรวม สู่การมองภาพเล็ก Top to Down method โดยการกระจายความเสี่ยงไปในแต่ละธุรกิจ (Diversified business) ที่มี Cycle life ไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ใน Text book ของฝรั่ง เขาใช้คำว่า Controlling risk ใน 3 ขั้นตอน คือ Entry , Exit , Trade size in ด้วย  การจัดการพอร์ตยังมีอีกหลายเทคนิค เช่น Triangle Investment การลงทุนแบบสามเหลี่ยม , Positioning sizing  หรือ เพิ่มโตด้วย Margin Re-Investment (เืทรด 4 ครั้ง รอบละ 10% จะได้ผลตอบแทน 100% เป็นไปได้) เฮ้อ....เขียนไม่หมด  เป็นอันว่า  เลือกตัวให้ถูก หาจังหวะเข้า เทรนมา จัดเต็ม อัดให้สุดเทรน พอร์ตจะ โต้ โต ผิดทางมี Stop loss  เข้าช้าไม่เป็นไร ขายหมูไม่เป็นไร ไม่มีใครซื้อหุ้นได้ถูกสุด และขายได้แพงสุด พอเพียง พอใจ ใจ สบาย สบาย ก็แล้วกัน

แนวคิดของ Risk management  
 

Friday, July 1, 2011

กลยุทธ์เล่นหุ้น Trend following ลงทุน แบบทบต้นทบดอก ด้วยหุ้นนอกบันผลรายเดือน ช่วยเร่งพอร์ตโต ภาค 2



กลยุทธ์เล่นหุ้น Trend following ลงทุน แบบทบต้นทบดอก ด้วยหุ้นนอกบันผลรายเดือน ช่วยเร่งพอร์ตโต  ภาค 2  มาเขียนต่อจากบทความที่แล้วครับ  ว่า เมื่อเราลงทุนแบบตามแนวโน้มแล้ว ลดความเสี่ยงชั้นแรก ด้วยการวิเคราะืห์ทางเทคนิค  ขั้นที่สอง เลือกลดความเสี่ยงด้วยหุ้นบันผลสูง และ บันผลรายเดือน  ขั้นที่ สาม ด้วยจุด Stop loss ที่สามารถ ตั้งด้วยโปรแกรมเทรดแบบอัตโนมัติ ในการจัดการลงทุน ( Money management ) ร่วมกับ การจัดการความเสี่ยง (Risk management)


จากภาพจะเห็นว่า การลงทุนแบบ Trend following สามารถลงทุนด้วยการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อลดความเสี่ยงในหา จุดเข้าซื้อ ขาย  พร้อมกลับมีการเลื่อน จุด Stop loss ในจุดที่ยอมรับการขาดทุน เพื่อรักษากำไร หรือ ใช้เพื่อป้องกันกำไรตามเส้นแนวโน้ม ในระดับราคาหุ้นต่างๆ อย่างเป็นระบบ  (โปรแกรมเทรดหุ้นนอก มีฟังก์ชั่น stop order ตั้งค่าตามช่วงเวลาได้ ...นี่ไง คือ ตัวช่วยลดความเสี่ยง เราได้  หุ้นไทยยังเสี่ยงกว่าอีก ไม่มี  ก็ต้องเฝ้า หรือ ต้องสั่งมาร์ ให้ดู ...ถ้าไม่มีเวลา ทำงานประจำ จะทำอย่างไรกัน  คำตอบ คือ ดอย ดอย และ ดอย ครับ)

การลงทุน มีหลายแบบ ตามช่วงระยะเวลาของการลงทุน ว่า จะเป็น การเก็งกำไร หรือ การลงทุุนแบบเน้นคุณค่า ( นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า น้อง เต่าเขียว หรือ นักเก็งกำไรแบบ น้องกระทิง ใน Blog ของน้อง เม่า แต่ ลูกครึ่ง ใช้ทั้งวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิคด้วยกัน คือ นักลงทุน พี่หมี เช่น Monkey trader เป็นแพนด้า แต่ ผมเป็น พี่หมีขาวขั้วโลก ขำ ขำ ครับ )   อธิบายว่า การลงทุนที่ดี ไม่ใช่การพนัน เหมือนการปลูกต้นไม้ที่เราหวังผล เมื่อต้นไม้เติบโต หมั่นคอยดูแล รดน้ำ รอการออกดอกออกผล เปรียบเหมือน "เงินบันผล" หรือ จากการขายต้นไม้ที่โตขึ้น ที่เรียกว่า "กำไรเกน"  หรือ เหมือนการเลี้ยงห่านทองคำ ซึ่งรอการออกไข่ ไข่ทองคำ เปรียบกับ "เงินบันผล" หรือ การได้กำไรจากการจับห่านไปขาย แล้วมาซื้อตัวอื่นเพิ่ม ก็คือ "กำไรเกน" ที่เคยเขียนในบทความก่อนหน้า (http://nastocks.blogspot.com/2011/03/blog-post.html)

บทความนี้ จะแนะนำการจัดพอร์ต โดยการ Re-Investment หรือที่เรียกว่า Compound return ช่วยเร่งพอร์ตโต ให้เร็วขึ้นได้ ตามภาพด้านล่าง


จะเห็นได้ว่า ในการลงทุนระยะยาวแบบทบต้น ทบดอก ในระยะ 10 ปี ในหุ้นบันผล 5% ต่อปี มี ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจาก $10,000 เป็น $16,288 เท่ากับ $6,288 หรือ 62.88%  หรือ 6.2 % ต่อปี ซึ่งมากกว่า เงินบันผล 5% ต่อปี   คราวนี้ ลองจำลอง การลงทุนด้วยหุ้นบันผลที่ระดับ 10% ต่อปี ตามตารางด้านล่าง



จากตารางการจำลอง จะเห็นว่า ขนาดของพอร์ตโตขึ้น 159% ในระยะเวลา 10 ปี หรือ 15.94% ต่อปีทีเดียว ในระดับหุ้นบันผลสูง 10% ต่อปี (หุ้นนอก มากกว่า 10% ต่อปี หาได้ ไม่ได้ยากอะไร แถมจ่ายให้รายเดือน หรือ รายไตรมาสก็มี)


กรณีที่จะเร่ง พอร์ตให้โต และเร็วขึ้นได้อีก ต้องมีขายทำกำไรเกนด้วย ตามแนวโน้มของราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น ลองมาทำตารางคำนวนกัน ตามด้านล่างนี้ครับ (ลงมือทำเอง เลยอีกครั้งวันนี้...ผลที่ได้น่าสนใจมากทีเดียว)  ลองลงทุนให้ได้กำไร ปีละ 10% ดูครับ ขายแล้ว ซื้อหุ้นใหม่ ในระดัีบราคาเท่าเดิม (สมมุติว่า ราคาหุ้นเท่าเดิม เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มดู คร่าว ๆ กัน )



จากตารางผลการจำลอง จะเห็นได้ว่า  พอร์ตโตมากขึ้น 519.17% หรือ 51.92% ต่อปี (มันสวดยวดมาก ถ้าเราลงทุนให้ได้กำไร อย่างต่ำ 10% ต่อปี และ นำเงินมาลงทุนให้หุ้นบันผลสูง 10% ต่อปี ไม่ธรรมดานะครับ ดีกว่า ทำธุรกิจบางตัวเสียอีก)  มาลองจำลองเปลี่ยนการลงทุนในหุ้น 5-10% ต่อปีในรูปแบบ การวิเคราะห์ Sensitivity analysis ดูครับ (ทางวิศวกรรม มีการวิเคราะห์แบบนี้ด้วย เลยเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์กันหน่อย)  เป็นกราฟ ดูง่าย เข้าใจ ง่ายๆ ได้ตามด้านล่าง




ผลที่ได้ จะเห็น ว่า การลงทุน Re-Investment ในหุ้นบันผลสูง ร่วมกับ การลงทุน แบบ Trend following ให้ได้กำไรอย่างต่ำ 10% ต่อปี จะทำให้ผลการตอบแทนในการลงทุน หรือ พอร์ตโตได้อย่างรวดเร็ว มากที่เดียวครับ น่าสนใจ และ น่าลงทุนในแบบระยาวมาก

ต่อมา ลองจำลอง เพิ่มการทำกำไรในการลงทุนแบบ Trend Following ให้ได้กำไร 10-30% ต่อปี ผลการจำลองที่ได้ตามกราฟด้านล่าง



จะเห็นว่า ขนาดของพอร์ตจะโตเฉลี่ยต่อปี ได้อย่างเร็วทีเดียวนะครับ ...ไม่ธรรมดามาก มหัศจรรย์ของการลงทุนแบบ ทบต้น ทบดอก สำหรับ หุ้นบันผลสูง 10% ต่อปี

ต่อมา ลองจำลองการ Re-Investment  โดย เพิ่มจำนวนครั้งในการลงทุน และ ลงทุนในหุ้นบันผลสูง ดูกันครับ ว่า ผลจะเป็นอย่างไรกันบ้าง




จากการจำลอง จะเห็นว่า การเพิ่ม จำนวน การลงทุน Re-Investment จะทำให้เร่ง อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี ได้มากขึ้น และ เมื่อลงทุนในหุ้นบันผลรายเดือน อย่างต่ำ 10% ต่อปี จะทำให้ เร่งอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยนต่อปี เพิ่มขึ้นอย่างมากที่เดียว น่าสนใจใช่ไหมครับ

การลงทุน Re-Investment สามารถเร่งการการโตของพอร์ตได้ แบบสุด สุด โดยเฉพาะ เมื่อ ลงทุนในหุ้นบันผลสูง อาจจะเป็น รายเดือน หรือ รายไตรมาส ร่วมกับ การลงทุนแบบ Trend following ด้วย จะเร่งพอร์ตโตได้ มากขึ้นไปอีก ซึ่ง หุ้นบันผลรายเดือน รายไตรมาส เหล่านี้จะอยู่ในต่างประเทศ แต่ ถ้าหุ้นในประเทศ ถ้ามีการลงทุนแบบ Re-Investment ในหุ้นบันผล 1-2 ครั้งต่อปี ก็จะทำให้พอร์ตเราโตขึ้นได้เหมือนกัน  แต่ ข้อดีของการลงทุนหุ้นในต่างประเทศ เรามาสามารถ ซื้อ ขาย หุ้นได้ตลอด เพราะเป็นหุ้นบันผลรายเดือน ซึ่งจะเป็น ข้อดีกว่า การลงทุนในเมืองไทย น่าสนใจ ใช่ไหมละครับ ลองนำไปใช้กันดูให้เหมาะสมกันดูนะคับ ดังนั้น การจัดพอร์ตการลงทุนระยะยาว และ รูปแบบการลงทุน Re-Investment น่าจะเป็นอีกแนวทางการลงทุนที่ดี  อีกพอร์ตการลงทุน ที่คุณควรจะมี นอกจากการเก็งกำไร บริหารหัวใจกัน เบา เบา บทความนี้ เป็นของขวัญวันเกิิดปีนี้ของผม มอบให้ทุกคน ทำหลายวันอยู่ โชคดีในการลงทุนครับ