North america

Global Trading Investment Knowledge in Stock Markets : USA (Dow Jones, Nasdaq), Canada (TSX), Thailand(SET)

Wednesday, April 27, 2011

กลับถึงเมืองไทย เปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ ชีวิตเทรดเดอร์ ไม่เปลี่ยน


    กลับถึงเมืองไทย เปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ ชีวิตเทรดเดอร์ ไม่เปลี่ยน เป็นอย่างไร เกิดอะไรกับ ชีวิตผมบ้างกับชีวิตเทรดเดอร์ จากต่างแดนกลับเมืองไทย  ถึงเมืองไทยวันที่ 22 เมษายน 2554 (ยุ่งนิดหน่อยกับการเริ่มงานลูกจ้างใหม่ ต้นเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา ที่อยากเป็นลูกจ้าง เพราะ อยากทำในสิ่งร่ำเรียนมาจากต่างประเทศ สามารถช่วยชาติได้ ยังไม่อยากเป็นเทรดเดอร์ นั่งอยู่บ้านเพียงอย่างเดียว ซึ่งมีโอกาสตอบแทนคุณประเทศชาติได้บ้าง ขอทำหน่อยเถอะ)


    สิ่งที่จำเป็นในการใช้ชีวิตเทรดเดอร์ คือ ระบบอินเตอร์เน็ตที่ดี เร็ว ทันใจ ทันข้อมูล ด้วย แต่ ....มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเทรดเดอร์ ในเมืองไทยแบบผม  ก่อนกลับเมืองไทย ผมสั่งการให้ น้องชาย ขอใช้บริการ 3BB High Speed Internet ที่บ้าน เพื่อใช้ในการเทรดหุ้นในยา่มค่ำคืน (ตลาดโซนอเมริกาเหนือ เปิดเวลา สองทุ่มครึ่ง ถึง ตีสาม) โดยปล่อย Wifi ทั่วทั้งบ้าน อยากจะเทรด ซอกไหน มุมไหน ดูทีวี ชั้นล่าง ชั้นบน ตามสะดวกได้เลยครับ (เตรียมการมาก่อนกลับมาถึงเมืองไทยด้วยซ้ำ)  แต่ ที่เจ็บใจ คือ ระบบเครืือข่ายที่ ช้าาาา ไม่ทันใจ เอาเสียเลยของระบบมือถือ (มัวแต่เล่นการเมืองกัน ประเทศข้างเคียง เขาไปไหน กันแล้วก็ไม่รู้  ถ้าเร็วกว่านี้ อะไรหลายอย่าง ที่เมืองไทยจะเจริญก้าวหน้ามากขึ้น รับส่งข้อมูล เร็ว คนจะใช้อิสระกันมากขึ้น ด้วยความสะดวก ค้าขาย กันได้รวดเร็ว ตลอดทุกที่ ทุกเวลา)
   โดยมีผลโดยตรงกับ ชีวิตเทรดเดอร์ แบบผมนะสิ....... ทำไมนะเหรอ มันช้า มันใช้ข้อมูลตัดสินใจ ไม่ทันเวลาให้ซื้อ ขายนั่นเอง  กว่าจะโหลดได้ข้อมูล ถึงแม้เมื่อ กลับถึงไทย รีบไปถอย น้องไอโฟน ใหม่ ภายใน 1 วัน เพื่อเทรดหุ้น โดยเฉพาะ จะได้เทรด สะดวก ทุกที่ ทุกเวลา (จะบอกว่า ซื้อมาไม่ได้ เอามาเล่นเกมส์ เกมส์ผมไม่เคยลงแอพเกมส์ ในมือถือเลย เอามาเล่นหุ้น อ่านข่าว หาข้อมูล ดูอีเมลล์วิเคราะห์โบรคบ้าง ไม่ได้บร้า เห่อ กับเขา ซื้อมามีประโยชน์ ทำเงินได้ มากกว่า เท่ห์ แต่ เล่น Facebook แก้เหงานิดหน่อย อิ อิ)  อยู่ที่แคนาดา ใช้ 3G มาก่อนครับ(ตอนนี้ น่าจะยุค 4G ได้)  เร็ว แรงส์ ไว ข้อมูลมาทันใจ กดปุ๊บ มาปั๊บ ซื้อ ขายได้ทันท่วงที  .....มันเลย หงุดหงิด ช่วงแรก ช่วงนี้ทำใจได้แล้วครับ
       นี่แหละ เขาเรียกว่า "ฟรีดอมเทรดเดอร์ของจริง"  เทรดที่ไหน ก็ได้ ที่มีสัญญานเครือข่ายที่ดี  ในป่า ชายทะเล ขับรถ ทานอาหาร นี่เขาถึงว่า เรียก อิสระ จริง จริง ครับ แต่ กลับมาเมืองไทยแล้ว ไม่ใช่อย่างที่คิด จะโหลดข้อมูล ช้าาาา อืด มากมาย ต้องรีบกลับบ้าน มาเทรดด้วย เครือข่าย 3BB ที่บ้าน  แบบว่า รีบทำงานประจำเสร็จ รีบกลับมาเทรดหุ้น ว่างั้นนะ ....ถึงเคยสอบถามเพื่อนนักลงทุนใน Facebook ว่าเครือข่ายไหนดี  คำตอบ คือ ทุกค่ายเหมือนๆ กัน สรุปว่า จะเป็น ฟรีดอมเทรดเดอร์ แบบหนังสือที่เขาเขียนกัน มันยังทำไม่ได้ ระบบรองรับมันไม่เอื้ออำนวยเพียงพอ ยังขายฝันอยู่ นักลงทุนแบบเรา คงต้องอดใจอีกหน่อย คิดว่า คงได้ใช้กัน อีกไม่นานนี้ (นานจนเพื่อนบ้านเขามีคนหมดแล้ว) อันนี้ พูดถึง การลงทุนหุ้นไทยและหุ้นนอกด้วยนะครับ ที่ใช้ทั้งโปรแกรม Streaming Pro หรือ โปรแกรมเทรดหุ้นบน Iphone ที่ทำเองของบางโบรคเกอร์   ระบบสัญญานเครือข่ายที่ดี จึงสำคัญต่อการใช้ชีวิตเทรดเดอร์ ถ้ายังไม่ดี มันไม่ฟรีดอม มานยังเป็นชีวิตที่ติดสาย....กันอยู่นะ
    สิ่งที่รีบทำอีกอย่างหลังจากการเมืองไทย คือ การเพิ่มความรู้ ก็ได้ไปซื้อหนังสือมา 2 เล่มที่อยากอ่านมาตั้งแต่อยู่เมืองนอก คือ ฟรีดอมเทรดเดอร์ , 7 เทคนิคฟันกำไร , รวยหุ้นหมื่นล้าน เล่ม 1 และ 2  (ไม่ได้โฆษณาแฝงนะครับ แต่ บอกตรง ตรง เลย ว่าอยากอ่านมาก มาตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้ว แต่มันไม่มีขาย ) ส่วน 2 เล่มหลัง น้องชายซื้อมาอ่าน เลย โชดดีไป  เสียเงินครับ แต่เสียแบบได้ความรู้ ประสบการณ์คนอื่นมาเพิ่มกับตัวเอง ถือว่าเป็นการลงทุนแบบหนึ่งครับ ลงทุนด้วยความรู้ ปิดความไม่รู้ไงครับ  จะบอกเนื้อหาในหนังสือได้ตามนี้ว่า ดีอย่างไร ตามไปอุดหนุนกันต่อเองนะครับ
     ฟรีดอมเทรดเดอร์  กล่าวถึงการเทรด Commodities ต่างๆ แบบ Future ในตลาดต่างประเทศ เช่น ทองคำ น้ำตาล น้ำมัน ข้าวสาลี แบบเป็นสัญญา มีวันหมดอายุ ในลักษณะ การทำกำไรจากการซื้อและการขาย ไม่ได้เป็นรูปแบบหุ้น ที่ต่างจากของแบบผม คือ หุ้น (Common stock) หรือ หุ้นกองทุน (ETF) ซึ่งไม่มีวันหมดอายุ คือ การได้เป็นเจ้าของหุ้น ส่วนหนึ่งในธุรกิจที่อยู่ต่างประเทศ ได้รับเงินปันผล มันมีความภูมิใจอยู่เล็ก ๆ นั่นเอง ว่า เราเป็น "ส่วนหนึ่งของเจ้าของธุรกิจในต่างประเทศ"  มันต่างกันเล็กน้อย  อินเตอร์ต่างมุมกัน แต่ก็ได้ความรู้ใหม่ๆ ดีครับ ว่า มีกลุ่มคนเทรดอินเตอร์เหมือนกัน รายละเอียดอื่นมีมุมมองที่ดี ไม่น้อยทีเดียว
     7 เทคนิคฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด  กล่างถึง เทคนิคการทำกำไร ได้ทางเทคนิค ของ Prop. trader ของเมืองไทย ที่ผมอยากรู้ ว่า คนเทรดลักษณะนี้ เขาเทรดกันอย่างไร มีมุมมองความคิดอย่างไร เพราะ ผมก็ลงทุนในหุ้นเมืองไทยเหมือนกัน ถ้าเราอ่านใจ Prop trader ได้ดี เราก็เอาตัวรอดในตลาดหุ้นได้อย่างดี "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะ ร้อยครั้ง" ส่วน เทคนิค ที่ใช้ในการเทรด เป็นทางเทคนิค โดยทั่วไป ไม่ลึก ของลึกกว่านี้ มีอีกนะ ในมุมมองผมที่เขาเขียน ยังไม่หมด แต่ มั่นใจว่า ผู้เขียนเก่งมากทีเดียว แต่ยังถ่ายทอดออกมาเนื้อ ๆ ยังไม่หมดนั่นเอง (ความคิดมุมมองส่วนตัวผมนะ แต่ในภาพรวมคนที่ไม่เคยรู้สำหรับการลงทุน ควรจะรู้ ควรจะอ่าน แต่ ถ้าคิดจะลงทุน ต้องอ่านให้ลึกมากกว่านี้)
     รวยหุ้นหมื่นล้าน เล่ม 1 และ 2  ที่อยากอ่าน มาก เพราะ อยากรู้ความคิด มุมมองของคุณแพท ว่า มีมุมมองความคิดอย่างไร ในสิ่งที่ผมยังไม่รู้ ไม่เห็น เอามาปิดช่อง รู โหว่ หรือ ปิด GAP ที่ผมไม่รู้นั่น เอง ว่า มุมมองต่างๆ เป็นอย่างไร และ จะเอามาปรับปรุงแนวคิดได้หรือไม่อย่างไรมากกว่า ให้มีประโยชน์ในการดำเนินชีวิตมากขึ้น  (ไม่ได้ หน้าม้า เชียร์หนังสือนะครับ แต่เป็นความคิดของผมว่า ทำไมผมอยากอ่าน อยากซื้อหนังสือ 2 เล่มนี้ แต่พูดได้ว่า ความคิดของผู้เขียน ไม่ธรรมดา เก่งกว่าคนทั่วไปทีเดียวนะเลย เกินความคุ้มค่ากับตางค์ที่ลงทุนซื้อแน่)

      ส่วนอย่างอื่นที่เปลี่ยนไปนอกจาก ชีวิตเทรดเดอร์ คือ การได้ใช้ชีวิตบนรถติดในเมืองกรุง (ใช้เวลาอยู่ในรถนานมาก รวมทั้ง การมารยาทขับรถของคนไทยที่ไร้ระเบียบวินัย น้ำใจบนท้องถนนน้อยลงไปมาก ) , ราคาอาหารที่แพงขึ้น จาก 3 ปีก่อนที่รู้สึกได้หลา่ย %, ความไม่สามัคคีของคนไทยยังมีอยู่  ถ้าเราแก้ปัญหาในรูปแบบนี้ได้ มีการปลูกฝังระเบียบวินัย ให้การศึกษาที่ถูกต้อง เหมาะสม เพียงพอ การกระจายรายได้ ที่ดี มีกฏระเบียบที่แข็ง คงช่วยให้บ้านเมืองเราเจริญ ก้าวหน้าได้อย่างดีคงจะทีเดียวนะ
สรุป ชีวิตเทรดเดอร์ ก็ไม่ได้เปลี่ยน  แต่ ต้องเปลี่ยนชีวิตให้เหมาะกับเมืองไทยนั่นเอง กลางวัน กลับเป็น กลางคืน กลางคืน กลับ เป็นกลางวัน โดยเฉพาะ ยังต้องศึกษาหาความรู้ ปิดจุดอ่อนของตัวเอง พัฒนาการเทรดอย่างสม่ำ เสมอ ตลอดเวลา ไม่ว่า จะเทรดสนามตลาดไหนก็ตามแต่

Sunday, April 10, 2011

3 ปี แคนาดา สิ่งดี ดี ที่เรียกว่า การให้


  3 ปี แคนาดา สิ่งดี ดี ที่เรียกว่า การให้   สำหรับวันนี้ วันที่ 10 เมษายน 2554 เป็นวันที่ผมอยู่แคนาดา ครบ 3 ปี  ดีใจมาก อึด ทนมากครับ ทั้งหนาวติดลบ ทั้งเหงา อยู่ลำพัง บางคนไม่อาจรู้ได้ อาจจะรู้ว่า มาเมืองนอกแล้วเท่ห์ โก้ มันไม่ใช่อย่างที่คิด มันมีอะไรที่ทรมาน ต้องใช้คำนี้เพราะ มันหนาวทรมาน จริง จริง  วันนี้ได้นำเสนอ Blog ให้คนที่แคนาดาเป็นทางการ ว่า 3 ปี ว่ามาอยู่แคนาดาได้่ทำอะไรไว้ สิ่งที่ได้ตั้งใจคือ ขอถ่ายทอดประสบการณ์ตรง การลงทุนด้วยชีวิต ให้กับผู้ที่ยังไม่รู้ว่า แคนาดามีดีอะไร หรือ จะเริ่มลงทุนต่างประเทศในอเมริกาเหนือได้อย่างไร สำหรับนักลงทุนไทย สิ่งที่ผมทำได้ คือ การให้ความรู้ เพียงเท่านั้น ชี้ทางให้ ที่เหลือคงต้องพึ่งตัวเองกันต่อไปด้วย

  วันนี้ได้อ่านบทความหนึ่งที่โดนใจ มากทีเดียว ในเว๊ป Stock2morrow และเป็นสิ่งที่ผมอยากทำมาก และจะทำแน่นอน ตาม Blog ของน้อง Wizard Kid ครับ มีใจความน่าคิด ที่คัดลอกมาให้อ่านกัน  คนไทยเรายังลำบากกันอีกเยอะมากทีเดียว บางคนที่รวย คุณไม่รู้ เกิดมาก็มีครบแล้ว (คุณอาจจะคิดว่า ก็ช่วยไม่ได้นี่ ขำ ขำ ) แต่ผมรู้เพราะผมเก็เคยไม่มีมาก่อน เคยเห็นเด็กที่ลำบากในชนบท เคยไปบริจาคของให้เด็กๆ ตาม โรงเรียนชายแดน มีชื่อ โครงการเท่ห์ ๆ ว่า โครงการต้นฝัน ตอนอยู่เมืองไทยทุกปี  เมื่อพอมีแล้ว มีกำลังทรัพย์ มีความรู้ต้องถ่ายทอดเพื่อช่วยคนบ้าง (คนไทยหลายคน มักปิดความคิด มองไปในแง่ลบเสมอ ใจแคบ หรือ ใจไม่กว้าง ไม่อยากให้ใครดีกว่า ตัวเอง นั่นเอง คิดว่า คนที่ถ่ายทอด โอ้อวด ถ้ามองจริงๆ ในด้านบวก แล้ว เขาถ่ายทอดความรู้ เพื่อช่วยคนอื่นมากกว่านะ ที่คุณคิดเพราะ คุณยังเป็นคนเห็นแก่ตัวอยู่นะครับ ขำ ขำ ) ดังเช่น ตัวอย่างของน้องคนนี้ น่าประชื่นชมทับใจมากครับ เขาเขียนไว้ดังนี้ ลอกการบ้านมาให้อ่านกันบางส่วน


"วันนี้ก็เลยขอนอกเรื่องการลงทุน ปลีกวิเวกจากกราฟหุ้น มาเขียนเกี่ยวกับอุดมการณ์ที่ผมมักจะย้ำและพูดเสมอ ไม่ว่าจะทั้งในหนังสือ “7 เทคนิค ฟันกำไร หุ้นเดย์เทรด” ไม่ว่าจะในทุกงานสัมมนาของ Stock2Morrow รวมไปถึงในหน้า fan page ของผมเองว่า...


“สังคมที่ดีนั้น จะดีได้ ต้องขับเคลื่อนด้วยสิ่งที่เรียกว่า...การให้...”

ถูกต้องแล้วครับ “การให้” หรือ GIVE ที่เป็นสิ่งที่จะก่อให้เกิดสุข ทั้งผู้ให้และผู้รับ คือการให้ที่มีคุณค่า...โดย GIVE นั้น มีความหมายดีๆแฝงอยู่ในคำมันน่ะครับ

G = Gladly - ให้ด้วยใจยินดี
I = Impartially - ให้อย่างไม่ลำเอียง
V = Voluntarily – ให้ด้วยความสมัครใจ
E = Expecting Nothing Back – ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

…เห็นมั๊ยครับ แค่คำสั้นๆ คำเดียวนั้น กลับแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้งมากมาย โดยที่เราไม่คาดคิดมาก่อน...ดังนั้นแล้ว อย่ามองข้ามพลังของคำง่ายๆว่า “GIVE” หรือ “การให้” น่ะครับ...

...เพราะพลังของการให้ ทำให้ผู้รับและผู้ให้มีความสุขแบบสุดๆไปเลยครับ...

คนส่วนใหญ่มักจะคิดกว่า “การรับ” คือสิ่งที่ดีกว่า “การให้”…อาจจะใช่ถ้ามองในแง่ของวัตถุสิ่งของ แต่ถ้าเราลองมองให้รอบด้าน จะเห็นได้ชัดเจนกว่าว่า “การให้” เป็นสิ่งที่ผู้ให้ได้ประโยชน์มากกว่า “การรับ” เพราะสิ่งที่ผู้ให้จะได้รับผลตอบแทนทันทีแบบฉับพลันก็คือ...


...ความสุขใจ...
...สุขใจจากการให้ จะเป็นความสุขแท้ ที่จะอยู่กับเราตลอดไป...

ผมอยากให้ทุกคนได้คิดอีกแง่ว่า “การให้” ก็คือใบเบิกทางไปสู่ “การรับ” น่ะ...เพราะถ้าตลอดชีวิตนี้ คุณไม่เคยให้อะไรใครเลย เป็นได้แค่เพียงผู้รับอย่างเดียว เราก็คงจะได้รับธรรมดาในชีวิต ที่ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป...

...แต่.... ถ้าเราลองมาเป็นผู้ให้ ผมกล้าการันตี ฟันธงและคอนเฟิร์มเลยว่า ไม่ก็ช้าก็เร็ว ผลของการให้ของตัวคุณเองนั้น จะเป็นใบเบิกทางนำพาชีวิตของคุณไปสู่การรับอย่างแน่นอน

...การให้ที่สมบูรณ์แบบ ก็คือการให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน เหมือนที่เหล่านักขายมือฉมัง มักจะนิยามกันว่า “การขายที่เก่งที่สุดคือ การขายแบบไม่ขาย”…
เช่นเดียวกันว่า


“การให้ดีที่ดีที่สุด คือ การให้โดยไม่หวังผลตอบแทน”

มีกลุ่มคนอีกกลุ่มนึงที่ผมคิดว่า เหมาะอย่างยิ่งที่ควรจะเป็น “ผู้ให้” ครับ...ก็คือ “นักลงทุน”…
โดยเฉพาะผู้ที่ประสบความสำเร็จการลงทุนในตลาดหุ้นหรือตลาดเงินอื่นๆ...

...เพราะอะไร?......เพราะในตลาดทุนแห่งนี้นั้น มีหลายต่อหลายคนที่..


...แค่กระพริบตาไม่กี่ที ก็หาเงินได้แล้ว..
...แค่กระดิกนิ้วไม่กี่ครั้ง ก็ทำเงินเป็นกอบเป็นกำ...

โดยที่เค้าเหล่านี้ อาจจะลืมไปว่า การหาเงิน ที่เขาเหล่านั้นคิดว่าง่ายดาย...กลับเป็นสิ่งที่ยากเย็นแสนสาหัส สำหรับหลายๆคนที่...


...ต้องเสียหยดน้ำตาไม่รู้กี่ครั้ง เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว...
...ต้องตรากตรำเป็นร้อยครั้งพันครั้ง เพื่อหาเงินประทังชีวิต...

หลายๆคน อาจจะลืมจุดๆนี้ไป...เพราะมัวแต่ลุ่มหลงกับเงินที่หามาโดยง่าย โดยหารู้ไม่ว่า ตัวเองนั้นเห็นแก่ตัวแค่ไหน ต่อสังคมที่อาศัยอยู่...ไม่คิดว่าการให้ต่อๆไปคือสิ่งที่ดีงาม..ชอบเป็นผู้รับอยู่ฝั่งเดียว...รับเงิน รับทรัพย์ และใช้มันอย่างสิ้นเปลือง ไร้ค่า โดยใช่เหตุ...

...จะเป็นคนรวย คนมีเงินที่มีคุณค่าต่อสังคม เป็นที่จดจำนั้น ต้อง “รวยการให้” ด้วยครับถึงจะเป็นคนจริง คนดีแท้ต่อทั้งตัวเอง ผู้อื่นและสังคมที่อาศัยอยู่...

อย่าให้คนอื่นมาว่าเราได้ว่า “มีเงิน แต่ไร้สมอง”…ใครโดนว่าแบบนี้ เสียชาติเกิดเอาได้น่ะครับ..

...ผมเคยพูด เคยเขียนไปหลายหนแล้วว่า ถ้ามีโอกาส มีเวลาว่าง ก็ควรเอากำไรจากการลงทุน การเล่นหุ้น แค่ 1-3% ของเงินกำไรนั้น ไปทำบุญกัน...

โดยเฉพาะ... ”การทำบุญกับคน” หรือที่ผมชอบเรียกอีกอย่างว่า


“การลงทุนกับคน”

อาจจะฟังดูแปลกไปหน่อย แต่มันได้ผลจริงๆครับ อาจจะไม่ใช่ในระยะสั้นๆ แต่ในระยะยาวแล้ว ผู้ที่รับผลจากการลงทุนกับคนในแบบของผมนั้น...ไม่ใช่ตัวผมเอง ไม่ใช่ครอบครัวผมเอง ไม่ใช่ใครอื่นใด...แต่เป็น “สังคมและประเทศชาติ” นั่นเองครับ...

วันนี้ผมได้เริ่มลงทุนกับคนแล้ว...ด้วยการขอความร่วมมือจากอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือตั้งแต่สมัยผมเรียนอยู่ชั้นประถมที่โรงเรียนอนุบาลกระบี่...ให้อาจารย์ได้ช่วยคัดเลือกเด็กมา 3 คน...โดยให้เงื่อนไขง่ายๆ 3 ข้อที่ว่า...

1. เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ – เด็กเหล่านี้แหล่ะครับ ที่จะเป็นกำลังหลักของสังคม เพราะเค้ารับรู้ถึงความยากลำบากมาก่อน ถ้าเด็กเหล่านี้ได้เป็นผู้นำประเทศหรือชุมชนที่อาศัยอยู่...รับรองว่า ยากยิ่งนักที่จะเป็นแบบนักการเมืองในปัจจุบัน...

2. มีความกตัญญู รู้คุณ – เด็กที่รู้คุณพ่อแม่ ครูบาอาจารย์และผู้ใหญ่ตั้งแต่เล็กนั้น เวลาจะทำอะไร ก็มักจะคิดเสมอว่า ทำไปแล้ว จะมีผลเช่นไรต่อผู้มีพระคุณ...ถ้าคิดว่าดี ทำแน่นอน..แต่ถ้าคิดว่าไม่...เด็กเหล่านี้ก็ไม่กล้าคิดที่จะทำแน่นอน

3. ทำกิจกรรมของโรงเรียน – อันนี้เป็นเพราะผมเชื่อว่าจะมีดีที่ IQ อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมี EQ ที่ดีด้วยครับ โตไปจะได้ไม่เห็นแก่ตัว ไม่มองอะไรด้านเดียวครับ

....อาจจะฟังดูเพ้อเจ้อ...แต่ผมก็ยืนยันว่า ต้องการช่วยเหลือเด็กที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ โดยเฉพาะกับเด็กที่เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์...

สุดท้ายแล้ว อาจารย์ก็หามาให้ได้ 3 คนครับ เรียนในระดับชั้นที่ต่างๆกันไป มีทั้งประถม 2 4 และ 5 ครับ

น้องๆเหล่านี้ ได้ทุนการศึกษาคนละ 5,000 บาท ทั้งหมดก็ 15,000 บาท อาจจะดูเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากมายนัก... แต่ผมว่า “ความสุข” ที่ได้รับนั้น มันมากกว่าเงินที่ผมได้ให้ไปแบบประเมินค่ามิได้ครับ.."




 "...ไม่ต้องรอ...ให้รวยล้นฟ้า แล้วคุณถึงจะเริ่มทำหรอกครับ
  ...ไม่ต้องรอ...ให้ใครมาชื่นชม แล้วทำมันตามกระแส
  ...ไม่ต้องรอ...ให้ใครมาขอร้อง แล้วค่อยทำ
  ...เริ่มวันนี้...และขอแค่มีศรัทธากับสิ่งที่ทำ...
  ...แค่นี้ก็สุขใจแล้วครับ...ใครไม่สุขด้วย ก็ไม่เป็นไร...แค่ ใจ เรามีแต่ ความสุข” ก็เพียงพอ...

 ...มาร่วมกันเดินสู่ สังคมแห่งการให้ กันเถอะครับ...จะรูปแบบใดก็ได้ ขอให้เป็นการให้ ที่ผู้รับจะได้ประโยชน์ในวันนี้ และสังคมจะได้รับประโยชน์สูงสุดในวันข้างหน้าครับ...

ผมเริ่มแล้ว...แล้วคุณหล่ะ..เริ่มหรือยัง?" 



   น่าประทับใจมากกับเด็กหนุ่มผู้อายุน้อยคนนี้ มีความคิดที่ดีมาก สนใจ อ่านเพิ่มเติมกันเต็มๆ กันที่นี่ตาม Link นี้ http://wizard-kids2m.blogspot.com/2011/04/one-night-stand-discussion-41.html

  การให้ ถึงแม้ไม่ใช่เงินทอง หรือ ให้ความรู้ ก็เป็นสิ่งที่ดี และ เป็นสิ่งที่ผมจะถ่ายทอดชีวิตการลงทุนในต่างแดนให้ ผู้ที่ไม่รู้ทราบ ผมว่า ผมไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ลงทุนในต่างประเทศ มีหลายคนแน่นอนครับ แต่เขาไม่ได้ถ่ายทอดความรู้การลงทุนนั้นออกมาเท่านั้น  เคยคิดอยู่นานว่า จะปิดบังตัวตน หรือ ไม่อย่างไร ในใจคิดว่า ถ้าทำความดี แล้ว ต้องอายก็ อย่ามันทำเลย " ทำดีได้ ช่วยคนอื่นได้ ไม่ต้องกลัวใครครับ "  ที่เจอมากมาก คนไทยเราใจแคบ ไม่น้อยครับ เรื่องจริง ผมก็เคยทำงานเป็นลูกจ้าง ทำผลงาน คิดทุกอย่าง คิดนอกกรอบที่ไม่เหมือนใคร (ที่จริง ต้องทำตัวให้โง่ โง่ เข้าไว้) แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้รุ่งเรือง แต่รุ่งริ่ง ตามแบบ "ทำตัวเก่ง เด่น ก็จะมีภัย" สังคมไทย เราเป็นแบบนั้น จริง จริง จึงไม่ค่อยมี คนให้ มีแต่คนต้องการรับ เห็นแก่ตัวประเทศเราเลยเป็นแบบนี้ ไม่ไปไหนกันสักที


  วันนี้ภูมิใจมากครับ ที่สามารถทนหนาวระดับติดลบมาได้ 3 ปี ที่สามารถเลื่อนขั้นเป็น แคนาเดียนซิติเซ่น อีกหนึ่งสัญชาติได้แล้ว สามารถรักษาพอร์ตการลงทุนในต่างแดน ที่มีค่าคอมราคาถูกๆ ไว้ได้ ก็กำลังเตรียมเก็บของกลับไปบ้านเมืองไทยเรา ไปทานส้มตำ ไก่ย่าง MK ได้แล้ว (กลับแต่ตัว ระบบการเงินไม่ได้เอากลับ ยังปล่อยให้เงินทำงานในแคนาดาอยู่ครับ ทิ้งไว้ทำงานให้ เข็ด ขำ ขำ )  พร้อมได้แนะนำ Blog โปรเจค 3 ปี แคนาดา ให้เพื่อน พี่ น้อง ใน facebook ไปอ่าน ลองทำกันดู คนไทยเราไม่ได้แพ้ฝรั่งหรอกครับ อาจจะมีประโยชน์กันบ้าง ดีกว่า ไม่บอกกัน ชีวิตหลายคนอาจจะดีขึ้น ก็ดีใจด้วยครับ เงิน ทอง มีอยู่ในโลกของการลงทุน หรือ ในตลาดหุ้นในโลกของเรา ศึกษา ใช้ความรู้ หากันเองต่อไปครับ ผมแต่ชี้ทางให้ ก็อย่างที่บอก เงินในโลกของการลงทุน มันไม่ใช่เงินของผมเอง ใครจะร่ำรวยเพิ่ม ก็ยินดีด้วยครับ แต่ ต้องมีความรู้ ไม่ประมาท แต่ผมรู้สึกดี ที่การทนหนาวติดลบ ไกลบ้าน 3 ปี ของผมมีประโยชน์  "มีความสุขใจต่อการให้" จริง จริง ครับ แบบน้อง Wizard Kid ที่มีแนวคิดแบบเดียวกัน ลองทำดูแล้วคุณก็จะรู้ ว่า มันมีความสุข


อีกหน่อย สักวัน จะทำกองทุนการศึกษาเด็ก  จากฝีมือเล่นหุ้นของผมเอง 

10/8/2011  ได้ทานอาหารเย็น ร่วมโต๊ะ กับ Wizard Kid ตัวเป็น เป็น ครับ ตัวจริง อารมณ์ขัน ร่าเริง ดูดี มีน้ำใจที่เดียวครับ คนเรามีวาสนา อยู่คนละซีกโลก อย่างไร วันหนึ่งจะได้ เจอกัน